ประวัติพระทัพพมัลลบุตร
โดย chatchai.k  29 พ.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 34314

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 423

อรรถกถาสูตรที่ ๖

ประวัติพระทัพพมัลลบุตร

พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๖ (พระทัพพมัลลบุตร) ดังตอไปนี้.

บทวา เสนาสนปฺาปกาน ความวา ภิกษุผูเจาหนาที่จัด เสนาสนะ.

ไดยินวาในเวลาพระเถระจัดเสนาสนะในบรรดามหาวิหาร ทั้ง ๑๘ แหง มิไดมีบริเวณที่ยังมิไดกวาดใหเรียบรอย เสนาสนะ ที่มิไดปฏิบัติบํารุง เตียงตั่งที่ยังมิไดชําระใหสะอาด น้ําดื่ม น้ําใช ที่ยังมิไดตั้งไว เพราะฉะนั้นทานจึงชื่อวา เปนยอดของเหลาภิกษุ ผูเปนเจาหนาที่จัดเสนาสนะ คําวา ทัพพะ เปนชื่อของทาน แต เพราะทานเกิดในตระกูลของเจามัลละจึงชื่อวา มัลลบุตร ในปญหา กรรมของทานมีเรื่องที่จะกลาวไปตามลําดับดังตอไปนี้ . จะกลาวโดยยอ ครั้งพระปทุมุตตระพุทธเจา พระเถระนี้ เกิดในครอบครัวในกรุงหงสวดี เจริญวัยแลวไปวิหารฟงธรรม โดยนัยที่กลาวแลวนั่นแหละ เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุ ไวในตําแหนงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีหนาที่จัดเสนาสนะ กระทํา กุศลกรรมปรารถนาตําแหนงนั้น พระศาสดาทรงพยากรณแลว กระทํากุศลจนตลอดชีพ เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย เมื่อครั้ง ศาสนาของพระกัสสปทศพล เสื่อมแลว จึงบวชแลว ครั้งนั้น คนอื่น อีก ๖ คน กับภิกษุนั้นรวมเปนภิกษุ๗ รูป มีจิตเปนอันเดียวกัน เห็นบุคคลเหลาอื่น ๆ นั้น ไมกระทําความเคารพในพระศาสดา จึงปรึกษากันวา ในครั้งนี้เราจะทําอยางไร กระทําบําเพ็ญสมณธรรม



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 424

ในที่สมควรสวนหนึ่งจักการทําที่สุดทุกขได จึงผูกบันได ขึ้นยอดภูเขาสูง กลาววา ผูที่รูกําลังจิตของตน จงผลักบันไดให ตกไป ผูที่ยังมีความเดือดรอนในภายหลังอยูเถิด จึงพรอมใจกัน ผลักบันไดใหตกไป กลาวสอนซึ่งกันและกันวา อาวุโสทานจงเปน ผูไมประมาทเถิด นั่งในที่ที่ชอบใจ เริ่มบําเพ็ญสมณธรรม บรรดา ภิกษุทั้ง ๗ นั้น พระเถระรูปหนึ่ง บรรลุพระอรหัตในวันที่ ๕ คิดวา กิจของเราเสร็จแลว เราจักทําอะไรในที่นี้ จึงไปนําบิณฑบาต มาแตอุตตรกุรุทวีปดวยอิทธิฤทธิ์ กลาววา อาวุโสทานทั้งหลาย จงฉันบิณฑบาตนี้ หนาที่ภิกษาจารเปนของขาพเจา ทานทั้งหลาย จงบําเพ็ญสมณธรรมเถิด อาวุโส พวกเราผลักบันไดใหตกไปได พูดกันอยางนี้มิใชหรือวา พูดกระทําใหแจงซึ่งธรรมกอน ผูนั้น จงไปนําภิกษามา ภิกษุนอกนี้ฉันภิกษาที่ทานนํามาแลวจักกระทํา สมณธรรม ภิกษุทั้งหลายกลาววา อาวุโส ไมตอง พระเถระกลาววา ทานทั้งหลายไดแลวดวยเหตุอันมีในกอนแหงตน แมกระผมทั้งหลาย สามารถอยูก็จักกระทําที่สุดแหงวัฏฏะได นิมนตไปเถิดทาน พระเถระเมื่อไมอาจยังภิกษุเหลานั้นใหเขาใจกันได ฉันบิณฑบาตใน ที่ที่เปนผาสุกแลวก็ไป ในวันที่ ๗ พระเถระอีกองคหนึ่งบรรลุ อนาคามิผล จุติจากอัตภาพนั้นไปบังเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส

ฝายพระเถระนอกนี้ จุติจากอัตภาพนั้น ก็เวียนวายอยูใน เทวดาและมนุษยสิ้นพุทธันดรหนึ่ง บังเกิดในตระกูลนั้น ๆ องคหนึ่ง บังเกิดในพระราชนิเวศนในกรุงตักกศิลาแควนคันธาระ องคหนึ่ง เกิดในทองนางปริพาชิกาในปพพไตยรัฐ องคหนึ่งเกิดในเรือนกุฏมพี ในพาหิยรัฐ องคหนึ่งเกิดในเรือนแหงกุฎมพีกรุงราชคฤห สวน


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 425

พระทัพพมัสละนี้ถือปฏิสนธิในนิเวศนของเจามัสละพระองคหนึ่ง ในอนุปยนคร มัลลรัฐ ในเวลาใกลตลอด มารดาของทานก็ทํากาละ ญาติทั้งหลายนําสรีระของตนตายไปยังปาชาแลวยกขึ้นสูเชิงตะกอน ไมแลวจุดไฟ. พอไฟสงบลงพื้นทองของนางนั้นก็แยกออกเปน ๒ สวน มีทารกกระเด็นขึ้นไปตกที่เสาไมตนหนึ่งดวยกําลังบุญของตน คนทั้งหลายอุมทารกนั้นไปใหแกยาแลว ยานั้นเมื่อจะตั้งชื่อทารกนั้น จึงตั้งชื่อของทานวา ทัพพะ เพราะทานกระเด็นไปที่เสาไมจึงรอด ชีวิต

เมื่อทานมีอายุ๗ ขวบ พระศาสดามีภิกษุสงฆเปนบริวาร เสด็จจาริกไปในมัลลรัฐ ลุถึงอนุปยนิคมประทับอยู ณ อนุปยอัมพวัน ทัพพกุมารเห็นพระศาสดาก็เลื่อมใสในพุทธศาสนาทีเดียว ก็อยาก จะบวชจึงลายาวา "หลานจักบวชในสํานักพระทศพล" ยากลาววา ดีละพอ พาทัพพกุมารไปเฝาพระศาสดากราบทูลวาทานเจาขา ขอจงใหกุมารนี้บวชเถิด พระศาสดาทรงประทานสัญญาแกภิกษุ รูปหนึ่งวา ภิกษุ เธอจงใหทารกนี้บวชเถิด พระเถระนั้นรับพระพุทธดํารัสแลวก็ใหทัพพกุมารบรรพชา บอกตจปญจกกัมมัฎฐาน สัตวผูสมบูรณดวยบุรพเหตุ ไดบําเพ็ญบารมีไวแลวในขณะที่ปลงผม ปอยแรก ตั้งอยูในโสดาปตติผลเมื่อปลงผมปอยที่ ๒ ตั้งอยูใน สกทาคามิผลปอยที่ ๓ ตั้งอยูในอนาคามิผล ก็การปลงผมเสร็จ และการทําใหแจงอรหัตตผล ก็เกิดไมกอนไมหลังคือพรอมกัน. พระศาสดาประทับอยูในมัลลรัฐตามพระพุทธอัธยาศัยแลว เสด็จไปยังกรุงราชคฤห สําราญพระอิริยาบถอยูในพระเวฬุวัน


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 426

วิหาร ในที่นั้น ทานพระทัพพมัลลบุตรอยูในที่ลับ ตรวจดูความ สําเร็จกิจของตน ประสงคจะประกอบกายในการกระทําความ ขวนขวายแกพระสงฆคิดวาถากะไร เราจะพึงจัดแจงเสนาสนะ และจัดอาหารถวายสงฆ ทานจึงเขาเฝาพระศาสดากราบทูลถึง ความปริวิตกของตน พระศาสดาทรงประทานสาธุการแกทาน แลวทรงมอบหนาที่จัดเสนาสนะและหนาที่จัดอาหาร ครั้งนั้นพระศาสดาทรงดําริวาพระทัพพนี้ ยังเด็กอยู แตดํารงอยูในตําแหนงใหญ จึงทรงใหทานอุปสมบทแลว ในเวลาที่ทานมีพรรษา ๗ เทานั้น ตั้งแตเวลาที่ทานอุปสมบทแลว พระเถระจัดเสนาสนะและจัดอาหาร ถวายภิกษุทุกรูปที่อาศัยกรุงราชคฤหอยู ความที่ทานมีหนาที่ จัดเสนาสนะไดปรากฏไปในทิศทั้งปวงวา ไดยินวาพระทัพพมัลลบุตร ยอมเขาใจจัดเสนาสนะในที่เดียวกันสําหรับภิกษุผูถูกอัธยาศัย กัน ยอมจัดแจงเสนาสนะแมในที่ไกล พวกภิกษุที่ไมอาจจะไปไดทาน นําไปดวยฤทธิ์.

ครั้งนั้นภิกษุทั้งหลาย สั่งใหทานจัดแจงเสนาสนะอยางนี้วา อาวุโส จงจัดเสนาสนะแกพวกเราในชีวกัมพวัน จงจัดเสนาสนะ ใหแกพวกเราในมัททกุจฉิมิคทายวัน แลวเห็นฤทธิ์ของทานก็ไป ในกาลบางในวิกาลบาง แมพระทัพพนั้นก็บันดาลกายมโนมัย ดวยฤทธิ์เนรมิตเปนภิกษุใหเหมือนกับตนสําหรับพระเถระองค ละรูป ๆ ถือไฟไปขางหนาบอกวา นี่เตียง นี่ตั่ง เปนตน จัดเสนาสนะ แลวจึงกลับมายังที่อยูของตนอีก นี้เปนความสังเขปในเรื่องนี้. แต โดยพิสดารเรื่องนี้มาในพระบาลีแลวเหมือนกัน พระศาสดาทรง


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 427

กระทําเหตุนี้นั่นแหละใหเปนอัตถุปบัติเหตุเกิดเรื่อง เหมือนกับ นั่งทามกลางหมูพระอริยะ. ทรงสถาปนาพระเถระไวในตําแหนง เปนยอดของเหลาภิกษุผูเปนเจาหนาที่จัดเสนาสนะแล.

จบอรรถกถาสูตรที่ ๖


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น