เจริญสติอย่างนี้ถูกหรือเปล่า
โดย pisitmink  23 มี.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 3167


ขอรบกวนถาม เรื่องเกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐานนะครับ ขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่แล้วสติเกิด ผมระลึกถึงแข็ง ในจุดที่แขนกระทบกับโต๊ะ หลังจากนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมระลึกถึงเสียง เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ ก็ระลึกถึงการไหวของมือ จากนั้นก็หลงลืมสติในตอนพูดคุย สักครู่เครียดในเรื่องที่คุย ก็ระลึกถึงความโกรธที่เกิดขึ้น ในจิต แล้วก็หลงลืมสติต่อ ไม่ทราบว่าแบบนี้คือการเจริญสติ ที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ



ความคิดเห็น 1    โดย devout  วันที่ 23 มี.ค. 2550


ต้องเป็นความเข้าใจของตนเองจริงๆ เลยนะคะ เพราะสภาพธรรมนั้น เกิดดับอย่างรวดเร็วมาก

สติเป็นอนัตตา เป็นโสภณเจตสิก ที่เกิดร่วมกับโสภณจิตเท่านั้น

สติปัฏฐาน เป็นการระลึกรู้ ที่สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด ที่เป็นปรมัตถ์ คือรูปหรือนามที่กำลังปรากฎ โดยไม่เลือก ไม่เจาะจง ไม่จดจ้อง ไม่ต้องการ แล้วแต่เหตุปัจจัยคือ สติและสัมปยุตธรรม ที่เกิดร่วมด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย wannee.s  วันที่ 23 มี.ค. 2550


ที่สำคัญอยู่ที่ปัญญารู้ หรือว่าเป็นเรารู้ เช่น สติเกิดระลึกรู้ตรงลักษณะของความโกรธ

ไม่ใช่เรา หรือโกรธยังเป็นเราโกรธ สติปัฏฐาน เป็นอนัตตา รู้ได้เฉพาะตน


ความคิดเห็น 3    โดย pisitmink  วันที่ 23 มี.ค. 2550

คือวันหนึ่งๆ เกิดขึ้นไม่บ่อยหรอกครับ บางครั้งเกิดขณะที่ อาบน้ำ ถ้าสติเกิดก็จะไประลึกกาย ที่กระทบน้ำที่อุ่น สลับกับการเผลอคิดนืก สักครู่ก็ระลืกถืงเสียงน้ำ ที่กระทบพื้น สลับกับความรู้สึกของจิต ที่สดชื่นแล้วก็เผลอลืมสติ บางครั้งก็ไปรู้กายที่ไหว สลับกับการเผลอคิดเรื่องงาน แต่ไม่สามารถบังคับให้เกิดบ่อยๆ ได้ แล้วแต่สติจะเกิด แต่ถ้าเกิด จะรู้ความต่างของ การเห็น หรือการได้ยิน หรีอการกระทบสัมผัส ว่าต่างจากตอนหลงลืมสติ แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง


ความคิดเห็น 4    โดย devout  วันที่ 23 มี.ค. 2550


ขณะที่สติปัฏฐานเกิด สัมปยุตธรรมในขณะนั้น โดยทั่วไปคือมรรคมีองค์ ๕ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ โดยเว้นวีรติ ๓ ซึ่งจะเกิดขึ้นทีละดวง เมื่อมีการวิรัติทุจริตในขณะนั้น และจะเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง ๓ ดวงในโลกุตรมรรคจิต ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากองค์ธรรมของสติปัฏฐานแล้ว การที่สติปัฏฐานเกิด แล้วยังเคลือบแคลงสงสัย ไม่แน่ใจ อธิบายไม่ถูก จะเรียกว่า เป็นการรู้ชัด ในสภาพธรรมนั้นๆ ได้หรือไม่? ถ้าเป็นสติปัฏฐานแล้วจะไม่สงสัยเลยค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 23 มี.ค. 2550


สติปัฏฐาน เป็นเรื่องของปัญญา ดังนั้น ขณะที่ระลึกรู้อย่างนั้น ถามว่าปัญญารู้อะไรครับ สติปัฏฐานที่ถูกต้อง เมื่อเกิดย่อมรู้ว่าขณะนั้นเป็นเพียงธัมมะไม่ใช่เรา จึงสามารถจะละคลายความยึดถือว่า เป็นตัวตนหรือสัตว์บุคคลได้ครับ คนที่ไม่ได้ศึกษาเขาก็รู้ว่า นี่เสียงโดยไม่ต้องคิด รู้ว่านี่กลิ่น แต่ต่างกับบุคคลที่อบรมสติปัฏฐานอย่างไร ต่างตรงที่ว่า ถ้าไม่ใช่สติปัฏฐาน ก็เป็นเรานั่นแหละ ที่รู้ว่านี่เสียง ก็ไม่ได้ละความยึดถือว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตน ดังนั้น การรู้ลักษณะของสภาพธัมมะว่าไม่ใช่เรา จึงต่างกับการคิดนึกถึงสภาพธัมมะ ที่ดับไปแล้ว แต่ไม่ได้รู้ลักษณะของสภาพธััมมะนั้นที่ดับไปแล้วว่าไม่ใช่เรา ค่อยๆ ฟังไปนะครับ

ขันติเป็นเครื่องตัดรอนคนพาล


ความคิดเห็น 6    โดย medulla  วันที่ 24 มี.ค. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 7    โดย pisitmink  วันที่ 24 มี.ค. 2550


ความมีตัวตนของผม เกิดเสมอตอนที่ผมไม่มีสติ แต่ตอนที่ระลึกได้ ณ เสี้ยววินาทีสั้นๆ มันไม่มีตัวตนแน่ๆ เพราะมันมีแต่สภาพรู้ แต่ถ้ามันเกิดได้บ่อยๆ และต่อเนื่องได้ มันคงละความมีตัวตนได้ แต่ผมไม่สามารถบังคับมันได้ แต่ที่ผมไม่แน่ใจคงเป็นเพราะผมเพิ่งมาศึกษาธรรมะ ได้ฟัง mp3 อ.สุจินต์สอนในเรื่องสติปัฏฐาน 4 เมื่อปีที่แล้วนี้เอง ผมจึงเห็นว่ามันเร็วเกินไปที่ สติจะระลึกรู้ได้ แต่ผมว่าผมฟังแล้วเข้าใจนะครับ ความจริงอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมมาศึกษาทั้งๆ ที่ ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี้ เป็นเพราะผมได้ยินประโยคเด็ดของ อ.สุจินต์ ที่เคยพูดถึงคนที่ยังกินเหล้าอยู่ ก็สามารถศึกษาธรรมได้ เป็นเพราะอดีตชาติเคยสั่งสมมา แหม มันช่างถูกกิเลสผม อย่างจัง เพราะถ้าจะให้ผมหักดิบ เลิกทันทีเลยคงไม่ไหวแน่ แต่ทุกวันนี้ผมก็ค่อยๆ ละคลายค่อยๆ ถอยห่างแล้วครับ ต้องกราบขอบพระคุณ อ.สุจินต์ อย่างสูง ที่ทำให้ผมเข้าใจในธรรมะลึกซึ้งขึ้น ทุกวันนี้ติดเสียงอาจารย์แล้วครับ ตื่นก็ฟัง ว่างก็ฟัง ทำงานก็เสียบหูฟัง ก่อนนอนก็ยังฟังครับ จะฟังต่อไปจนกว่าจะหายสงสัยครับ


ความคิดเห็น 8    โดย ปุถุชนคนหนึ่ง  วันที่ 24 มี.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ ที่ท่านรู้จักตัวเองตามความเป็นจริง คนเรามีกิเลสด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งแรกที่ควรละ คือความเห็นผิด การฟังพระธรรมจะช่วยให้ท่านละความเห็นผิดได้ทีละเล็กทีละน้อยค่ะ