วิจิกิจฉาสัมปยุตตจิต และอุทธัจจสัมปยุตตจิต ดวงใดหยาบและมีโทษมากกว่ากันครับ
โดย natre  2 พ.ย. 2555
หัวข้อหมายเลข 21996

0


ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 7 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

วิจิกิจฉาเจตสิก และ อุทธัจจเจตสิก เกิดกับจิตที่เป็นโมหมูลจิต ซึ่งสำหรับ วิจิกิจฉานั้น เป็นสภาพธรรมที่ลังเลสงสัย และเป็นสภาพธรรมที่เป็นดั่งตะปูตรึงใจ ที่จะไม่ให้เกิดความเจริญขึ้นของกุศลธรรม เมื่อว่าโดยความหยาบแล้ว วิจิกิจฉาเจตสิกที่เกิดกับโมหมูลจิต มีความหยาบกว่าโมหมูลจิตที่มีอุทธัจจเจตสิกเกิดร่วมด้วย ครับ

ด้วยเหตุว่า พระโสดาบัน สามารถละโมหมูลจิตที่เกิดกับวิจิกิจฉาเจตสิกได้ แต่ พระโสดาบัน ยังไม่สามารถที่จะละโมหมูลจิตที่เกิดกับอุทธัจจเจตสิกได้ พระอรหันต์เท่านั้นที่จะละโมหมูลจิตที่เกิดร่วมกับอุทธัจจเจตสิกได้ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดของกิเลสที่เป็นโมหะ ที่มีอุทธัจจเจตสิกเกิดร่วมด้วย ละเอียดกว่าส่วนโมหมูลจิตที่มีวิจิกิจฉาเกิดร่วมด้วยที่เป็นความลังเลสงสัยหยาบกว่า เพราะเป็นเครื่องกั้นและเป็นตะปูตรึงใจที่ไม่สามารถที่จะอบรมปัญญาได้ และไม่สามารถทำให้บรรลุธรรมได้เลย พระโสดาบันจึงละกิเลสที่หยาบคือวิจิกิจฉาได้แล้ว แต่ยังละความฟุ้งซ่านไม่ได้ ครับ

เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ

โมหมูลจิตวิจิกิจฉาสัมปยุตต์ - โมหมูลจิต อุทธัจจสัมปยุตต์

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 2    โดย natre  วันที่ 8 พ.ย. 2555

ขอบคุณ อ.ผเดิมมากครับ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 9 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง พระธรรมที่ทรงแสดงในส่วนที่เป็นอกุศลจิตประเภทต่างๆ นั้น ก็เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา และขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไปนั้นย่อมไม่ดี ไม่นำคุณประโยชน์มาให้เลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญตราบใดก็ตามที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล อกุศลจิตก็ยังมีอยู่ครบ แต่ถ้าเป็นพระอริยบุคคลแล้ว ท่านก็สามารถดับได้ตามลำดับขั้นจนกระทั่งสูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ไม่มีอกุศลจิตแม้แต่ประเภทเดียวเกิดขึ้นอีกเลย นี้คือความเป็นจริง

ความลังเลสงสัยในสภาพธรรม (วิจิกิจฉา) เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระโสดาบันบุคคลก็ยังละไม่ได้ ส่วนอุทธัจจะซึ่งเป็นความฟุ้งซ่าน ไม่สงบ ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ยังมีอยู่ เพราะเป็นสภาพธรรมที่เกิดร่วมกับอกุศลจิตทุกประเภท ซึ่งเมื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย เป็นผู้ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ครับ

...ขออนุโมทนาในกศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...