ผู้ฟัง วิตกเจตสิก คือตรึก นึกถึงเรื่องราว แต่วิตกเจตสิกก็ไม่ใช่จิต
ท่านอาจารย์ เพราะอะไร
ผู้ฟัง เพราะเป็นเจตสิก
ท่านอาจารย์ เพราะไม่ใช่สภาพที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ จิตไม่ได้ทำหน้าที่ของเจตสิกเลย จิตเกิดเมื่อไร อารมณ์ใดปรากฏ จิตเท่านั้นที่เป็นสภาพที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้แจ้ง รู้จริง รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ก็คงต้องกล่าวย้ำบ่อยๆ เพราะเหตุว่าแต่ละภาษาอาจจะทำให้เข้าใจไม่ชัดเจน ภาษาบาลีมีคำว่า “รู้” หลายความหมาย รู้โดยจำ รู้โดยคิดก็ได้ รู้ได้ทุกอย่างที่เป็นสภาพรู้ รู้ทั้งนั้น แต่ว่าในขณะที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏ ถ้าถามว่า ขณะนี้เห็นไหม
ผู้ฟัง เห็น
ท่านอาจารย์ มีเจตสิกอะไรเกิดร่วมด้วย
ผู้ฟัง มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗
ท่านอาจารย์ ไม่รู้เลย ได้ยินแต่ชื่อใช่ไหม จำชื่อได้ แต่เจตสิกนั้นๆ ปรากฏหรือไม่
ผู้ฟัง ไม่ปรากฏ
ท่านอาจารย์ แต่สิ่งที่ปรากฏทางตา กำลังปรากฏ สภาพที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน ในการรู้แจ้ง อารัมมณะ คือสิ่งที่กำลังปรากฏ แปลจากภาษาบาลี แต่ภาษาไทยก็คือ เห็น ได้ยิน ถ้าทางตา รู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏทางตา คือ กำลังเห็น มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นจริงๆ หรือรู้แจ้งอารมณ์คือเสียงที่ปรากฏ คือ ได้ยินเสียงนั้นจริงๆ ถ้าใช้คำว่า “ได้ยินจริงๆ ” ไม่สงสัยเลย แต่ถ้าบอกว่า รู้แจ้งเสียง คงจะสงสัยว่า รู้แบบไหน เป็นการรู้แจ้งเสียง แต่รู้แจ้งเสียง คือ ได้ยินธรรมดา ธรรมเป็นธรรมดา ไม่มีใครไปเปลี่ยนลักษณะของธรรมนั้นได้
เพราะฉะนั้น ทุกคำที่ใช้คำว่า “รู้แจ้ง” ซึ่งเป็นลักษณะของจิต หมายความว่า เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้สิ่งที่ปรากฏ ขณะที่กำลังคิด มีเจตสิกเกิดกับจิตนั้นมาก แต่จิตกำลังรู้ทีละคำที่คิด ถ้าคิดเป็นคำ เพราะฉะนั้น ขณะนั้นจิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งคำแต่ละคำ เพราะว่าปรากฏเมื่อจิตคิดถึง แต่ก็มีเจตสิกมากมายที่เกิดกับจิตในขณะที่คิด
พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 430