
อ.อรรณพ: เมื่อวาน อ.คำปั่น นำสนทนาในเรื่องที่เป็นประโยชน์มากเลยครับ งานสำคัญ คืองานละเอียด พวกเราก็สนทนากันไปตามที่ได้พอจะมีความเข้าใจว่า อะไรทำงาน? แล้วก็ทำงานอย่างไร? และงานที่เป็นประโยชน์คืออย่างไร? ก็จะเรียนเชิญ อ.คำปั่น ได้กราบเท้าสนทนากับท่านอาจารย์ก่อนครับ รวมทั้งคณะอาจารย์ที่สนทนาเมื่อวานนี้ด้วยครับ
อ.คำปั่น: พอได้ยิน คำว่า ขัดเกลา คลายกิเลส ส่วนใหญ่ก็จะสนใจมากครับ กับข้อความดังกล่าวนี่ครับ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ
ประเด็นที่จะกราบเรียนสนทนากับท่านอาจารย์ ก็คือว่าในชีวิตประจำวันที่กำลังเป็นไปอยู่ ก็เห็นถึงว่า เหมือนกับไม่ได้มีการที่จะค่อยๆ ขัดเกลาละคลายอะไรเลย อย่างนี้ครับ เหมือนกับว่า สนใจที่จะเป็นผู้ที่ใส่ใจในการที่จะขัดเกลาละคลายกิเลส แต่ว่า ก็ไม่ได้ขัดเกลา ไม่ได้ละคลายอะไรเลย ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงความเป็นจริงตรงนี้ด้วยครับ
ท่านอาจารย์: ได้ยิน คำว่า ละคลายกิเลส อ่อนใจไหม?
อ.อรรณพ: อ่อนใจ ก็คือท้อใจนะครับ
อ.คำปั่น: ครับ
ท่านอาจารย์: นั่นซิ! ได้ยินคำว่า ละคลายกิเลส แค่นี้ อ่อนใจไหม?
อ.อรรณพ: ถ้าอกุศลเกิดขึ้นก็อ่อนใจ เวลาที่เกิด โอ้โห!! ไม่ไหวแล้ว กิเลสยาวไกลนะครับ เวลากุศลเกิดขึ้นก็พิจารณาถูกต้อง ก็ไม่อ่อนใจครับ เพราะรู้ว่าเป็นงานใหญ่ งานยาก งานยาวนาน ก็ต้องค่อยๆ อบรมไปครับ
ท่านอาจารย์: งานใหญ่ที่สุดในสังสารวัฏฏ์ แค่นี้!! เห็นไหม? ใครจะมีกำลังใจที่มั่นคง พอที่จะรู้ว่า กิเลสมาในรูปแบบต่างๆ สารพัดไม่ทัน เพราะปัญญายังไม่เกิดไม่รู้ว่า กิเลสที่สะสมมามากมายมหาศาลเกินกว่าแสนโกฏจักรวาล ลึกด้วย ดำด้วย มืดด้วยจริงไหม ทั้งวัน คิดดูทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าไม่รู้จริงๆ จะไม่สามารถจะมีกำลังใจที่จะฟันฝ่ากิเลสที่มองเห็นในชีวิตประจำวัน
ถ้าไม่เห็นกิเลสในชีวิตประจำวัน ไม่มีทางละ เรา ก่อนอื่นใช่ไหม? ชัดเจนไหม ทั้งๆ ที่ทั้งวัน เราอยู้แล้ว แต่ก็ยังมีขณะที่ เรา เกิดขึ้นให้เห็น ก็ไม่เห็น เห็นแล้วจะละไหม? จะรู้วิธีละไหม?
ถ้าไม่ค่อยๆ เริ่มเป็น ค่อยๆ ไป ทีละเล็กทีละน้อย ไม่มีวันที่จะละได้ อ่อนใจไหม? หรือว่า มีกำลังขึ้นที่จะรู้ว่ายากแสนยาก ถ้าไม่เริ่มเดี๋ยวนี้ จะค่อยๆ ถึงจุดมุ่งหมายที่ว่า ละกิเลสได้ไหม?
นี่เป็นสิ่งซึ่งไม่ง่าย ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกำลังใจไหม ให้รู้ความจริงว่า ยากที่สุดในสังสารวัฏฏ์ ก็เริ่มเสียซิ!! ถ้าไม่เริ่ม เมื่อไหร่จะถึงล่ะ?
เพราะฉะนั้น ต้องเป็นปัญญาจริงๆ ที่เห็นโทษของอกุศล และรู้ว่า หนทางเดียว ไม่ใช่ใครทั้งสิ้นที่จะมาช่วยเราได้ นอกจากปัญญาที่เกิดจากการฟัง คำ ที่ตรง ที่ชัดเจน แต่เห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่งว่า แม้เดี๋ยวนี้ คำ ของพระองค์เราก็พูดถึงทุกวัน แต่ว่า ค่อยๆ เข้าใกล้การที่จะประพฤติตามบ้างไหม? เมื่อไหร่? เดี๋ยวนี้ หรือยังไม่ใช่เดี๋ยวนี้ นี่เป็นความจริงซึ่งทุกคนได้ฟัง คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วสามารถที่จะเข้าใจความลึกซึ้ง และความละเอียด ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏฏ์ ฟังแล้วเป็นอย่างไร?
อ.คำปั่น: ฟังแล้วก็เป็นคำที่เพิ่มพูนกำลังใจครับ
ท่านอาจารย์: มากเท่าไหร่ บ่อยเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ได้ฟังคำที่จะค่อยๆ ล้างอกุศลลงไปแม้เพียงนิดเดียว จากที่มากมายมหาศาล ค่อยๆ อบรม ขันติบารมี วิริยบารมี
ได้ยินคำว่า ละกิเลส ดับกิเลส เป็นคำที่น่ายินดีไหม ที่จะมีโอกาสถึงขณะที่ดับกิเลส
อ.คำปั่น: เป็นคำที่น่ายินดีอย่างยิ่งครับ แล้วก็ได้ฟังเมื่อสักครู่ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงว่า ก็เริ่มซะสิ ถ้าไม่เริ่มอล้วเมื่อไหร่จะถึง ท่านอาจารย์ครับ คือแต่ละคำที่ท่านอาจารย์กล่าวนี่ เป็นคำที่ควรค่าแก่การที่จะได้พิจารณา แล้วก็เก็บไว้ในหทัยจริงๆ ครับ เพราะว่าเป็นประโยชน์ เป็นเครื่องเตือนที่ดีโดยตลอดครับ
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่รู้อย่างนี้ ก็เราอีกนั่นแหละ หาทาง เรานะ แล้วเราเป็นใคร? กับ คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชี้ให้เห็นโทษของเรา ถูกต้องไหม?
อ.คำปั่น: ถูกต้องครับ
ท่านอาจารย์: แล้วใครล่ะ จะมาชี้โทษของเราได้ ทั้งๆ ที่โทษเต็มหัวใจก็ไม่เห็น แต่ คำ ของพระพุทธเจ้าลึกซึ้ง ควรค่าที่สุดที่จะเก็บไว้ในหทัย อย่างที่เรามีรายการ เก็บไว้ในหทัย เพื่อที่จะสะสมเพื่อที่จะค่อยๆ เพิ่มพูนกำลังใจ ที่จะรู้ว่า ทางถูกมี แสงสว่างมีแสนที่จะไกล แต่ถ้าไม่เริ่มเดี๋ยวนี้ไม่ถึง
อ.คำปั่น: เป็นคำที่ไพเราะจับใจอย่างยิ่งครับ ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงว่า เป็นเราทั้งวันๆ แต่ความเป็นเราสามารถที่จะปรากฏให้รู้ได้ไหม ตรงนี้ครับท่านอาจารย์ ก็ขอโอกาสว่า ความละเอียดคืออย่างไรครับ
ท่านอาจารย์: คนอื่นไม่ดี เราดีไหม? ปรากฏไหมคะ รู้?
อ.คำปั่น: เราก็ไม่ดีครับ
ท่านอาจารย์: แล้วปรากฏไหมล่ะ ให้รู้?
อ.คำปั่น: ปรากฏให้รู้
ท่านอาจารย์: ขณะที่เขาไม่ดี เราไม่ดีนี่ ปรากฏให้รู้ไหม?
อ.คำปั่น: ยังเลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เวลาที่ปรากฏให้รู้ ปัญญาเท่านั้นที่สามารถเห็นโทษของเราในขณะนั้น
อ.คำปั่น: เตือนทั้งหมดเลยครับท่านอาจารย์ครับ ไม่มีคำไหนที่ไม่ได้เตือนเลยครับ
ท่านอาจารย์: นี่ล่ะ พระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความละเอียด และลึกซึ้งอย่างยิ่งของธรรมนานมาแล้ว จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ จนกระทั่งต่อไปข้างหน้า ใครจะช่วย ใครจะเป็นที่พึ่ง
เพราะฉะนั้น การพึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พึ่งเดี๋ยวนี้ วันนี้ ด้วยความเคารพสูงสุด ไม่ประมาท จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ก็ประมาทแล้วใช่ไหม?
อ.คำปั่น: ประมาทครับ
ท่านอาจารย์: แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่มีกำลัง ก็ฟังซิ เห็นโทษของตัวเองซิ สามารถที่จะเห็นโทษของตัวเองได้เมื่อไหร่ ลึกเท่าไหร่ นั่นแหละเป็นประโยชน์สูงสุด
ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่..
ว่าด้วยกถาวัตถุ ๑๐ [เรื่องขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง]
บารมีย่อมขัดเกลากิเลส
ขอเชิญฟังได้ที่..
การขัดเกลากิเลสเหมือนการจับด้ามมีด
ปัญญาขัดเกลากิเลส คือขั้นวิปัสสนาญาน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ และอ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ