ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๘
โดย khampan.a  25 ต.ค. 2558
หัวข้อหมายเลข 27148

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๘

~ การที่จะเป็นคฤหัสถ์ที่ดี ก็คือ ฟังพระธรรม พิจารณาให้เข้าใจ ประพฤติปฏิบัติตามในเพศของคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าเพศของบรรพชิตนั้นต้องเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยใหญ่จริงๆ สามารถที่จะสละอาคารบ้านเรือน วงศาคณาญาติ ทรัพย์สมบัติทั้งหมด สละ คือ ไม่มีความติดข้อง ไม่ใช่ว่าเมื่อไปแล้วก็ยังติดข้องอยู่ นี่ต้องพิจารณาเห็นความต่างกันระหว่างเพศคฤหัสถ์กับบรรพชิต เพราะฉะนั้นบรรพชิต จึงได้รับสักการะจากคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าคฤหัสถ์ไม่สามารถจะทำตามอย่างนั้นได้

~ ในชาตินี้ก็จะเห็นได้ว่า ใครฟังพระสัทธรรม และใครไม่ยอมแม้เพียงฟังพระสัทธรรม นี่ก็แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ใคร่จะฟังพระสัทธรรม คือ ผู้ที่ได้บำเพ็ญบารมีมาแล้ว แต่ผู้ที่ยังไม่สนใจ ไม่เห็นประโยชน์ แม้ว่ามีพระสัทธรรม แต่ก็ไม่ฟัง นั่นคือผู้ที่ยังไม่ได้บำเพ็ญบารมีมาเลย ซึ่งในชีวิตประจำวันก็พอจะเห็นได้ว่า ใครบำเพ็ญบารมีมาแล้ว และใครยังไม่ได้บำเพ็ญบารมี

~ วาระหนึ่งซึ่งมีการเห็น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงการเกิดดับของจิตอย่างละเอียดเพื่ออะไร? เพื่อให้เห็นว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล โดยเข้าใจถูกต้องว่า ขณะที่กำลังเห็นในขณะนี้แล้วก็เกิดความยินดีพอใจขึ้น สภาพของจิตเห็นไม่ใช่จิตที่ที่มีความยินดีพอใจ และก่อนที่จะเกิดความยินดีพอใจในสิ่งที่ปรากฏทางตา ก็จะต้องมีจิตซึ่งเกิดก่อน

~ ผู้ที่จะเป็นสาวก คือ ผู้ฟัง ที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ก็จะต้องขาดบารมีไม่ได้ด้วย เพราะเหตุว่าเรื่องของการศึกษาพระธรรมโดยที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์จริงๆ หรือว่ายังเป็นไปเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จะไม่ทำให้ดับกิเลส

~ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรม คือ แสดงเรื่องของธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยให้ปัญญารู้ ไม่ใช่ให้ทำอย่างอื่น เพราะเหตุว่ามีสภาพธรรมเกิดแล้ว โดยความเป็นอนัตตา โดยเหตุโดยปัจจัย ไม่ใช่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดทำ เพราะฉะนั้น ปัญญาก็เพียงรู้ให้ถูกต้องตามลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีแล้วในขณะนี้

~ ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในวันนี้ ซึ่งยังไม่ได้ให้ ก็อาจจะสูญหายไปก่อนที่จะให้ก็ได้ เพราะว่าทรัพย์สมบัติก็ไม่เที่ยง หรือแม้แต่ตัวเราเอง ซึ่งยังไม่ได้ให้ทาน ก็ไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นอาจจะสิ้นชีวิตไปก่อนที่จะให้ทานก็ได้ เมื่อพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของแม้ผู้ให้และผู้รับ และทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดกุศลที่จะช่วยสงเคราะห์บุคคลอื่น ด้วยการสละสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลนั้น ด้วยความรู้ด้วยความเข้าใจในขณะนั้นก็เป็นปัญญาบารมีได้
~ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับธรรมได้เลย ไม่ว่าอกุศลธรรมและกุศลธรรม บางกาลกุศลธรรมก็มีปัจจัยที่จะเกิดมาก บางกาลอกุศลที่ยังไม่ได้ดับ ก็มีปัจจัยที่จะเกิด เพราะฉะนั้นแม้ว่าในชาติหนึ่งจะเป็นผู้ที่ได้พยายามอบรมตน ฝึกตน ขัดเกลากิเลส แต่เมื่อกิเลสยังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ยังมีเชื้อที่จะทำให้เกิดขึ้น ก็จะทำให้มีการกระทำซึ่งเป็นไปตามกำลังของกิเลสนั้นๆ

~ สำหรับชีวิตของทุกท่านในขณะนี้ซึ่งกระดูกทุกชิ้นยังรวมกัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อ ยังไม่กระจัดกระจาย ก็ควรที่จะทำประโยชน์ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้มากที่สุดที่จะมากได้ เพื่อเป็นการประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระมหากรุณาแสดงไว้

~ ชีวิตประจำวันทั้งหมด จะสังเกตได้ว่า ทุกคนจะต้องมีอกุศลในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชาติหนึ่งชาติใด วันหนึ่งวันใด เหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดก็ตาม ขณะที่ไม่จริงใจ และก็เสแสร้งแม้เพียงเล็กน้อย ขณะนั้นก็เป็นอกุศล

~ เป็นพระมหากรุณาอย่างยิ่งที่ได้ทรงแสดงเรื่องของอกุศลอย่างมาก อย่างละเอียด เพื่อที่จะให้แต่ละบุคคลได้พิจารณาเห็นโทษและละคลาย จนกว่าจะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ได้จริงๆ

~ เรื่องของกิเลสมีมาก และกิเลสเกิดขึ้นทำกิจการงานของกิเลส กิเลสจะทำกิจการงานของกุศลไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าในสมัยไหนทั้งสิ้น กิเลสเกิดขึ้นขณะใดก็ทำกิจของกิเลสขณะนั้น
~ ถ้ามีโลภะ ถูกโลภะครอบงำแล้ว จะให้ทำอะไรๆ ก็ทำ ซึ่งเป็นกุศลของตนเอง โลภะที่มีอยู่ในใจ เป็นอาจารย์คอยให้ทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ ครอบงำบังคับบัญชาให้แสวงหา ให้ทำสิ่งต่างๆ

~ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงประกาศพระอริยสัจจธรรม ความสว่างด้วยปัญญา คือ การที่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรม ก็เกิดขึ้นในโลก แต่ก็เฉพาะในพุทธบริษัท

~ โลกมืด เมื่อไม่ได้ศึกษาพระธรรม เพราะเหตุว่าไม่สามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ แม้ในครั้งพุทธกาล โลกก็สว่างเฉพาะพุทธบริษัทที่ได้ฟังพระธรรม และอบรมเจริญปัญญาจนรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมและอริยสัจจธรรม

~ สภาพธรรมไม่มีใครไปจัดสรร หรือว่าจะไปทำอะไรได้เลย เป็นสิ่งที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้นเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้สภาพธรรมแต่ละอย่างเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้น

~ ผู้ที่อบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่ทำอย่างอื่นเลย เพียงแต่ว่าเข้าใจให้ถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่ว่าจะกำลังเห็นในขณะนี้ ก็ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง เป็นสภาพรู้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเห็น คือ รู้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ในขณะที่ได้ยินเกิดขึ้น ก็รู้ตามความเป็นจริงตามปกติว่า สภาพที่กำลังได้ยินในขณะนี้ เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เป็นธาตุรู้เสียง อาศัยเจตสิกต่างๆ เป็นธาตุต่างๆ เกิดขึ้นพร้อมกันทำกิจแล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง

~ วันนี้หรือหลายชั่วโมงผ่านไป กาลสมบัติ (ความถึงพร้อมแห่งกาละที่ได้ฟังพระธรรม) หรือเปล่าขณะที่ไม่ได้ฟังพระธรรม? แต่ขณะที่กำลังฟังพระธรรม ให้ทราบว่า ขณะนี้เป็นขณะที่ถึงพร้อมแห่งกาลที่ได้ฟังพระธรรม เพราะโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ไม่ง่าย ถ้ามีธุระสำคัญนิดเดียว จะไม่ได้ฟังแล้ว ก็จะเป็นโอกาสของการฟังสิ่งอื่น

~ สิ่งใดที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพระรัตนตรัย จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความเห็นผิด ก็ต้องเป็นผู้ตรงที่จะไม่ส่งเสริม

~ ความเป็นภิกษุต้องเป็นความประพฤติที่สมบูรณ์พร้อมทั้งกาย วาจา ใจในทางที่เป็นกุศล ต่างกับชีวิตของคฤหัสถ์มาก ถ้ามีความบกพร่องในเรื่องของความประพฤติที่ไม่ถูกต้องสำหรับเพศบรรพชิต ไม่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมแน่นอน เพราะเหตุว่าตั้งต้นก็ไม่ถูก และต่อไปจะถูกได้อย่างไร แม้แต่คฤหัสถ์ก็ตาม ถ้าตั้งต้นไม่ถูก การที่จะไปถึงที่สุดของความถูกต้อง สัจจะที่จะสมบูรณ์ถึงกับการรู้แจ้งอริยสัจจ์ ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

~ ใครเป็นผู้ที่มีกรุณามากที่สุด? พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกอบด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ เพราะถ้าไม่ประกอบด้วยพระมหากรุณาคุณ ก็คงจะไม่มีการทรงแสดงธรรม ไม่มีข้อความที่จดจำสืบต่อกันมาจนกระทั่งจารึกเป็นพระไตรปิฎกให้บุคคลรุ่นหลังได้รู้ว่า พระองค์ทรงแสดงธรรมที่จะทำให้สัตว์โลกทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ได้โดยสิ้นเชิงอย่างไร

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๗

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย jirat wen  วันที่ 25 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย thilda  วันที่ 25 ต.ค. 2558

(คนที่ควรขัดเกลาที่สุดก็คือตัวเอง)

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 25 ต.ค. 2558

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย Boonyavee  วันที่ 25 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย nong  วันที่ 26 ต.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย siraya  วันที่ 26 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Noparat  วันที่ 26 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 26 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย tanrat  วันที่ 26 ต.ค. 2558

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย Wisaka  วันที่ 26 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย peem  วันที่ 27 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย jaturong  วันที่ 27 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย pulit  วันที่ 27 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย rrebs10576  วันที่ 31 ต.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 26 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 16    โดย มังกรทอง  วันที่ 28 ก.ค. 2564

วาระหนึ่งซึ่งมีการเห็น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงการเกิดดับของจิตอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล โดยเข้าใจถูกต้องว่า ขณะที่กำลังเห็นในขณะนี้แล้วก็เกิดความยินดีพอใจขึ้น สภาพของจิตเห็นไม่ใช่จิตที่ที่มีความยินดีพอใจ และก่อนที่จะเกิดความยินดีพอใจในสิ่งที่ปรากฏทางตา ก็จะต้องมีจิตซึ่งเกิดก่อน

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 17    โดย chatchai.k  วันที่ 28 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 18    โดย มังกรทอง  วันที่ 11 ต.ค. 2564

พระธรรมทั้งหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ เท่าที่กำลังของสติปัญญาจะเข้าใจได้ และอบรมต่อไป เพราะคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เปลี่ยนไม่ได้เลย เป็นความจริงถึงที่สุด

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 19    โดย suporn71  วันที่ 3 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

ธรรมของพระพุทธองค์แจ่มแจ้งนัก


ความคิดเห็น 20    โดย สิริพรรณ  วันที่ 11 พ.ย. 2565

ถ้าเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม ยังไม่ได้พิจารณาพระธรรม ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญา คิดดูว่าชาตินี้ทั้งชาติจะจบลงอย่างไร ก็ต้องด้วยกิเลสที่หนาขึ้นๆ ทุกวัน แต่ถ้ามีโอกาสได้ฟัง ละคลายความไม่รู้ อบรมเจริญกุศลทุกประการเพิ่มขึ้น ก็เป็นชาติที่มีประโยชน์ เมื่อกระดูกทุกชิ้นยังรวมกันอยู่ ยังไม่กระจัดกระจาย ก็ควรให้เป็นประโยชน์ในการที่จะได้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้น ไม่ใช่หวังว่า กิเลสทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นทุกวัน จะหมดไปเพียงในวันหนึ่ง หรือเดือนหนึ่ง หรือปีหนึ่ง โดยที่ไม่รู้อะไรเลย แต่อยากจะหมดก็เลยไปปฏิบัติ หรือไปทำสิ่งซึ่งไม่ใช่การอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะของ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1929

น้อมกราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ

ขอบพระคุณอ.คำปั่น ด้วยค่ะ