ศีลบารมี อันเป็นพื้นฐานของความดีทั้งปวงนั้น จะสมบูรณ์ได้โดยประการใด?
โดย dets25226  13 ม.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 20356

เบื้องต้นที่สุดของความเข้าใจถูก ควรจะศึกษาอย่างไรครับ

พอมีตัวอย่างของปุถุชนผู้ซึ่งยังไม่เป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งมีความเห็นถูก และเจริญศีลบารมีตามแนวทางดังกล่าวบ้างหรือไม่

เพื่อเหมาะแก่สติและปัญญาของปุถุชน พอมีธรรมอื่น ที่ง่ายและสะดวกต่อการรักษาศีลให้บริสุทธิ์บ้างหรือไม่

ขอความกรุณาด้วยครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูง



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 13 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ศีลบารมี จะเป็น บารมีได้ ก็ต้องมีปัญญาเป็นสำคัญครับ ดังนั้น ปัญญาบารมีต่างหาก ที่เป็นพื้นฐานของความดีทั้งปวงเพราะมีปัญญา จึงทำให้กุศลประการต่างๆ เจริญขึ้น และ กุศลประการต่างๆ มีศีล ทาน ขันติ เมตตา จะเป็นบารมีได้ เพราะต้องมีปัญญา เป็นพื้นฐานครับ ดังนั้น ความเห็นถูก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ อย่างเช่น ศีลวิสุทธิ์ จิตตวิสุทธิ ศีล และ จิตจะบริสุทธิ์ได้ ก็เพราะอาศัย ทิฏฐิวิสุทธิ คือ มี สัมมาทิฏฐิ ที่เป็นความเห็นถูกเป็นสำคัญครับ ศีลจะไม่มีทางจะบริสุทธิ์ และ ค่อยๆ ขัดเกลาเพิ่มขึ้นได้เลย ถ้าไม่มีปัญญาที่เจริญขึ้นครับ

เบื้องต้นที่สุดของความเข้าใจถูก ควรจะศึกษาอย่างไรครับ

เบื้องต้นที่สุดของความเข้าใจถูก หรือ ทำให้เกิดปัญญา คือ ควรศึกษาด้วยความเคารพ คือ ตั้งใจฟังในพระธรรมที่ถูกต้อง และด้วยจุดประสงค์ที่ถูกเพื่อขัดเกลากิเลสและความเจริญขึ้นของปัญญาเท่านั้น โดยมีพื้นฐานว่า การศึกษาธรรมเพื่อขัดเกลากิเลส และที่สำคัญที่สุด คือ เพื่อเข้าใจตัวธรรมที่มีในขณะนี้ แต่ไม่ใช่เพื่อที่จะเข้าใจชื่อเรื่อราวของพระธรรมากๆ ครับ ดังนั้น เมื่อเริ่มจากการศึกษาเพื่อเข้าใจความจริงของธรรม ก็ทำให้เกิดความเห็นถูกเบื้องต้นที่สำคัญ คือ เห็นถูกขั้นการฟังว่ามีแต่ธรรมไม่ใช่เรา ย่อมนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกและถึงการบรรลุธรรมได้ในที่สุดครับ

ดังนั้น ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา คือ ฟังด้วความตั้งใจ ด้วยความเคารพในพระธรรมและด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้องตามที่กล่าวมาครับ

พอมีตัวอย่างของปุถุชนผู้ซึ่งยังไม่เป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งมีความเห็นถูก และเจริญศีลบารมีตามแนวทางดังกล่าวบ้างหรือไม่

ผู้ที่ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ หรือ พระโพธิสัตว์ ก็ต้องอบรมบารมี และไม่ต่างกันตรงที่ว่า มีปัญญาบารมีเป็นแกนสำคัญของบารมีทั้งหลาย ดังนั้นควรเริ่มจากควาเมห็นถูก การอบรมปัญญา เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็ทำให้ศีลบารมี ทานบารมีเกิดขึ้น และถึงความบริสุทธิ์ได้

เพื่อเหมาะแก่สติและปัญญาของปุถุชน พอมีธรรมอื่น ที่ง่ายและสะดวกต่อการรักษาศีลให้บริสุทธิ์บ้างหรือไม่

ศีลจะบริสุทธิ์ได้ ขาดปัญญาไม่ได้เลย ดังนั้น จึงไม่มีธรรมอย่างอื่นที่จะทำให้ศีล บริสุทธิ์เกิดขึ้นได้สะดวก เท่ากับปัญญาครับ ดังนั้นเราจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะศีลเท่านั้น แต่กุศลธรรมอย่างอื่นก็ควรเจริญเพราะเป็นบารมีแต่ละข้อด้วย เพียงแต่ว่า การจะเป็น บารมี ของกุศลประการต่างๆ ได้ ก็ด้วยการอบรมปัญญา คือ มีปัญญา ความเห็นถูกครับ แม้แต่ศีลจะบริสุทธิ์ได้ก็ด้วยมีปัญญาเป็นสำคัญ ซึ่งปัญญาจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการศึกษา พระธรรม ฟังพระธรรมในหนทางที่ถูก ไปทีละเล็กละน้อยนั่นเองครับ โดยไม่ต้องห่วงว่า เมื่อไหร่ ถ้าค่อยๆ อบรมไปก็เป็นธรรมที่ทำหน้าที่เอง จนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 2    โดย dets25226  วันที่ 13 ม.ค. 2555

เมื่อเริ่มจากการศึกษาเพื่อเข้าใจความจริงของธรรม ก็ทำให้เกิดความเห็นถูกเบื้องต้นที่สำคัญ คือ เห็นถูก ขั้นการฟังว่ามีแต่ธรรมไม่ใช่เรา ย่อมนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกและถึงการบรรลุธรรมได้ในที่สุด

อนุโมทนาตามนี้นะครับ

ผมได้เข้าไปดูประวัติ ของพระภูริทัตโพธิสัตว์ ได้ทราบถึงประวัติท่าน ว่าเป็นผู้ทรงศีลบารมีอยากถามอาจารย์ว่า ท่านมีปัญญาตอนไหน อย่างไร ถึงได้รักษาศีลได้ขนาดนั้น

การรู้จักคุณ รู้จักโทษ จะถือว่า มีปัญญาหรือความเห็นถูก มากน้อยเพียงใดครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูง


ความคิดเห็น 3    โดย วิริยะ  วันที่ 14 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย paderm  วันที่ 14 ม.ค. 2555

เรียน ความเห็นที่ 2 ครับ

เชิญอ่านข้อความในพะรไตรปิฎกก่อนครับ

[เล่มที่ 74] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 262

แม้ในภูริทัตตจริยานี้ ก็พึงเจาะจงกล่าวถึงบารมีที่เหลือของพระภูริทัตตะ นั้น โดยนัยดังกล่าวแล้วนั้นแล. แม้ในจริยานี้ก็พึงทราบคุณานุภาพของ พระโพธิสัตว์ มีอาทิอย่านี้ คือการที่พระโพธิสัตว์อันนางนาคกัญญา ๑๖,๐๐๐ บำเรออยู่ดุจรูปวิจิตร ในนาคพิภพของตนร้อยโยชน์ แม้ดำรงอยู่ในความเป็นอิสระในโลกของนาค เช่นกับสมบัติในเทวโลก ก็มิได้มัวเมาในความเป็นอิสระ บำรุงมารดาบิดาทุกกึ่งเดือน. การอ่อนน้อมต่อผู้เป็นใหญ่ในตระกูล. การตัดปัญหา (ตอบปัญหา) ที่เกิดขึ้นแก่หมู่นาค หมู่เทพชั้นจาตุมมหาราชิกา หมู่เทพชั้นดาวดึงส์ ทั้งสิ้น ด้วยศัสตราคือปัญญาของตน ในท่ามกลางบริษัท นั้นๆ ได้ทันทีทันใด ดุจตัดกำก้านบัวด้วยศัสตราที่ลับดีแล้ว ฉะนั้นแล้ว แสดงธรรมสมควรแก่จิตของบริษัทเหล่านั้น ละโภคสมบัติมีประการดังกล่าวแล้ว อธิษฐานอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๔ ไม่คำนึงถึงร่างกายและชีวิตของตน. การยอมตกอยู่ในเงื้อมมือของหมองู เพราะเกรงจะพูดผิดคำปฏิญญา. แม้เมื่อเนสาทอาลัมพายน์ทำการทารุณมีประการต่างๆ มีอาทิอย่างนี้ คือพ่นน้ำลายเจือด้วยยาพิษลงในปาก จับหางฉุดกระชากครูดสีบนแผ่นดิน เหยียบ แม้พระโพธิสัตว์ได้รับทุกข์ใหญ่ถึงปานนี้ แม้สามารถจะทำเนสาทอาลัมพายน์ ให้เป็นเถ้าถ่านด้วยเพียงโกรธแล้วมองดู ก็รำพึงถึงศีลบารมี ไม่มีจิตคิดร้ายแม้แต่น้อย เพราะเกรงศีลจะขาด. การทำตามใจเนสาทอาลัมพายน์ด้วยคิดว่า จะให้เขาได้ทรัพย์. แม้ยังไม่อธิษฐานศีลก็ไม่โกรธเนสาทพรามณ์ผู้ทำลาย มิตรผู้เป็นคนอกตัญญู ซึ่งสุโภคะนำมาอีก. การทำลายวาทะผิดที่อริฏฐะ กล่าว แล้วแสดงธรรมโดยปริยายต่างๆ ในนาคบริษัทตั้งอยู่ในศีลและสัมมาทิฏฐิ. ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :-

ท่านผู้แสวงหาธรรมอันยิ่งใหญ่ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี

ฯลฯ

โดยธรรมสมควรแก่ธรรม ฉะนี้แล.


พระภูริทัตตะ มีปัญญาเห็นโทษของการเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน และรู้ว่าอาศัย คุณธรรม คือ การรักษาศีล เพื่อพ้นจากความเป็นสัตว์เดรัจฉาน และ บ่มโพธิญาณ การมีปัญญารู้คุณของศีล และ รู้โทษของการไม่มีศีล และกระทำในสิ่งที่สมควร ชื่อว่า ปัญญาบารมีครับ ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถรักษาศีล ที่เป็น ศีลบารมีได้ เพราะคิดไม่ ได้นั่นเองครับ

ดังนั้น ผู้ถามมีความเข้าใจถูกต้องแล้วครับ ในเรื่องการรู้จักคุณและโทษของสิ่งต่างๆ เป็นปัญญาบารมี

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย เซจาน้อย  วันที่ 14 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย khampan.a  วันที่ 14 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ศีลเป็นเรื่องปกติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าชีวิตประจำวัน เป็นศีล ซึ่งไม่พ้นไปจากกาย วาจา ใจของแต่ละบุคคล ในแต่ละวันจิตใจเป็นอกุศลหรือเป็นกุศลมากน้อยเท่าใด เมื่อเทียบกันแล้วอกุศลย่อมมีมากกว่า แต่ถ้ามีการล่วงศีล มีการกระทำทุจริตกรรมประการต่างๆ ก็เป็นเครื่องแสดงว่ากิเลสมีกำลังมากทีเดียว ซึ่งทุกคนควรจะได้ทราบและพิจารณาตนเองว่ามีการล่วงศีลข้อใดบ้างในแต่ละวัน กล่าวคือ มีการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ มีการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มีการประพฤติผิดในบุตร ภรรยา ของผู้อื่น มีการดื่มสุราของมึนเมาทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท บ้างหรือไม่? ซึ่งเป็นการพิจารณาตนเองในชีวิตประจำวันเพื่อจะได้สำรวมระมัดระวังความประพฤติทางกาย ทางวาจาให้เป็นปกติเรียบร้อยดีงาม โดยงดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น แล้วประพฤติในสิ่งที่ควรประพฤติ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ ก็เป็นศีลเช่นเดียวกัน การเจริญกุศลขั้นศีล เป็นการขัดเกลาจิตใจของตนให้เบาบางจากกิเลส แม้ว่ายังไม่ได้ดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ก็จริง แต่ก็เป็นการอบรมจิตใจให้เบาบางจากกิเลสอกุศล เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทราบว่า การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ เป็นต้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์อื่น บุคคลอื่นเดือดร้อน เป็นทุกข์ ก็อาจจะเกิดความยินดีพอใจในความไม่ดีเหล่านี้ก็เป็นได้ และเมื่อเป็นกิเลส เป็นอกุศลธรรม เป็นอกุศลกรรม ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลที่ไม่ดี (อกุศลวิบาก) ข้างหน้าสำหรับตนเองอีกด้วย เมื่อไม่ทราบอย่างนี้ เจตนาที่จะงดเว้นก็จะไม่มี แต่ถ้าทราบ ก็จะสามารถละคลายให้เบาบาง หรือว่างดเว้นเท่าที่สามารถจะกระทำได้ ซึ่งก็จะเป็นการชำระจิตใจให้เบาบาง ให้บรรเทาจากกิเลสและอกุศลได้ในชีวิตประจำวัน และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ กว่าที่ศีลจะบริสุทธิ์ได้จริงๆ ก็ต้องมีปัญญา เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง โดยเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญาไปตามลำดับ นั่นเอง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 10    โดย pat_jesty  วันที่ 17 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย chatchai.k  วันที่ 15 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ