ตอบปัญหาธรรมที่ ...วัดป่าแดง จ. เชียงใหม่
โดย สารธรรม  14 ส.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 9574

ตอบปัญหาธรรมที่วัดป่าแดง จ.เชียงใหม่๓ ธ.ค. ๒๕๒๕

: ความโกรธเกิดขึ้น ใช้สติรู้ว่า ตัวโกรธ โดยมากอยาก จะระงับและหาวิธีระงับ

โกรธนั้นยังคงเป็นตัว ทีนี้ถ้ารู้แน่ๆ นะเจ้าคะ ไม่หวั่นไหวเจ้าค่ะ เพราะ... โลภะก็ไม่ใช่ตัว โทสะก็ไม่ใช่ตัวอิสสาไม่ใช่ตัว มัจฉริยะไม่ใช่ตัว เห็นไม่ใช่ตัว รู้อย่างนี้จริงๆ ก็มีความกล้าที่จะรู้ว่า โกรธขั้นนี้ ถ้าไม่เคยโกรธมาแล้วในอดีต แล้วสะสมมาจนมีกำลังโกรธขั้นนี้เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น โกรธขั้นนี้เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

พอกล้าที่จะรู้ลักษณะของความโกรธในขณะนี้ว่า......เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ทีหลังก็สบายเจ้าค่ะ ไม่ว่าความโกรธขั้นไหน ก็สามารถจะรู้ได้ว่า เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง แต่พอความโกรธขั้นนี้กลัวนะเจ้าคะหวั่นไหว ไม่อยากที่จะให้เป็นเราที่โกรธถึงขั้นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ต่อไปโกรธขั้นนี้หรือสูงกว่านี้ หรือต่ำกว่านี้ ก็เป็นที่ตั้งของความหวั่นไหวได้

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ความพอใจก็เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ โลภะไม่ว่าขั้นไหนเจ้าค่ะ ก็ต้องระลึกได้ว่า ถ้าไม่เคยมีโลภะมาก่อน และไม่เคยสะสมจนมีกำลัง โลภะขั้นนี้ก็เกิดไม่ได้ แต่พอรู้ว่าสามารถระลึกรู้โลภะขั้นนี้ได้ คราวหลังโลภะขั้นไหนเกิดขึ้น สติก็สามารถจะระลึกได้ว่า แต่ละขั้นก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย

: เพราะตัวนี่เจ้าค่ะ ไม่ชอบเลยเพราะตัวนี้โกรธ



ความคิดเห็น 1    โดย สารธรรม  วันที่ 14 ส.ค. 2551

: เพราะฉะนั้น ดิฉันคิดว่าส่วนใหญ่คนมักจะติดที่ความ

คิด ไม่ยอมที่จะพิจารณารู้ว่า ขณะนั้นเป็นสภาพที่รู้คำ พยายามที่จะปัดไม่ให้คิด ก็เลยไม่ได้รู้ความจริงว่า การรู้คำไม่ใช่การตรึก เป็นจิตคนละขณะ แล้วก็มีสมมติสัจจะกับปรมัตถสัจจะ ปรมัตถสัจจะไม่ต้องมีชื่อ การได้ยินในขณะนี้ไม่ต้องมีชื่อ ก็เป็นสภาพที่มีจริง แต่พอคิดเมื่อไร สมมติสัจจะจะตามมาทันที

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เพราะฉะนั้น ผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็รู้ชัดทั้ง ๒โลกว่า โลกทางใจ เป็นโลกของสมมติสัจจะ เวลาที่คิดนึกเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นปรมัตถ์ด้วย เพราะเหตุว่าไม่ใช่เรา จนกว่าปัญญาจะรู้ว่า ไม่ว่าจะคิดเรื่องอะไร ก็เพราะปัจจัยปรุงแต่ง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

อย่างกำลังเห็นกระเป๋านะเจ้าคะ ไม่มีใครสักคนเดียวที่ไม่คิดเรื่องกระเป๋า


พอเห็นหนังสือ ก็ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะไม่คิดเรื่องหนังสือ

พอเห็นเสือ ก็ไม่มีใครสักคนเดียวจะไม่คิดเรื่องเสือหรือรูปร่างสัณฐาน ก็แปลว่า ความคิดมีหลายระดับขั้น ขั้นระลึกถึงรูปร่างสัณฐาน ยังไม่เป็นคำ แต่ต้องคิดถึงแล้ว มิฉะนั้นแล้วจะหยิบจะจับมุมนั้นมุมนี้ไม่ได้

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

.......ก็แสดงว่าสติปัฏฐานต้องละเอียด จนกระทั่งรู้ว่าความคิดมีขั้นไหน ที่ต่างจากเพียงการเห็น ซึ่งเป็นอนัตตา และความหมายของอนุพยัญชนะนั้นแค่ไหนเพราะเหตุว่าเพียงเห็น แล้วยังไม่นึกถึงรูปร่างสัณ-ฐานจึงจะเป็นอนัตตาจริงๆ เพราะว่าเป็นเพียง สภาพธรรมที่คนตาบอดไม่เห็น

บรรยายโดย ... ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์ข้อความบางตอนจาก ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๑๙๕


ความคิดเห็น 2    โดย wannee.s  วันที่ 14 ส.ค. 2551

การฟังธรรม การพิจารณาและสัญญาความจำที่มั่นคงเป็นเหตุปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิดค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย prakaimuk.k  วันที่ 15 ส.ค. 2551

ความคิด ก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่รู้คำ

ขออนุโมทนาค่ะ.....


ความคิดเห็น 4    โดย suwit02  วันที่ 15 ส.ค. 2551

สาธุ


ความคิดเห็น 5    โดย ปริศนา  วันที่ 15 ส.ค. 2551


ข้อความดี...มีสาระเข้าใจจัดวาง...นิมิตอนุพัญชนะ.ขออนุโมทนา.


ความคิดเห็น 6    โดย natnicha  วันที่ 16 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย pornpaon  วันที่ 16 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 16 ส.ค. 2551

พอเห็นหนังสือ ก็ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะไม่คิดเรื่องหนังสือ

แต่ขณะเห็นต่างจากขณะคิด เพราะขณะเห็นเกิดขึ้นสิ่งที่ปรากฎเป็นเพียงสิ่ง

ที่ปรากฎทางตาเท่านั้น (สีที่กำลังปรากฎซึ่งก็คือสีสันต่างๆ ) ส่วนขณะคิดเกิด

ขึ้นคิดเรื่องหนังสือ หรือ รูปร่างสัณฐาน ซึ่งเป็นเรื่องราวบัญญัติไปแล้ว

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย wirat.k  วันที่ 21 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย คุณ  วันที่ 28 ส.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ