ว่าด้วยตัณหาพายุ่ง [ชฏาสูตร]
โดย Khaeota  18 มิ.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 16523


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 212 ๖. ชฏาสูตร

ว่าด้วยตัณหาพายุ่ง [๖๔๔] สาวัตถีนีทาน.

ครั้งนั้นแล ชฏาภารทวาชพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ ครั้นแล้ว สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.[๖๔๕] ชฎาภารทวาชพราหมณ์ นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า

ตัณหาหาพายุ่งในภายใน พายุ่งในภาย

นอก หมู่สัตว์ถูกตัณหาพายุ่งไขว่ให้นุง ข้า

แต่พระโคดม เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์

ขอทูลถามพระองค์ว่า ใครพึงสางตัณหา

พายุ่งมิได้.

[๖๔๖] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ภิกษุใดเป็นคนมีปัญญา ตั้งมั่นอยู่ใน

ศีล อบรมจิตและปัญญาให้เจริญ มีความ

เพียร มีปัญญารักษาตน ภิกษุนั้นพึงสาง

ตัณหาพายุ่งนี้ได้ ราคะโทสะและอวิชชา

อันชนเหล่าใด สำรอกแล้ว ชนเหล่านั้น

เป็นพระอรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้วตัณหา

พายุ่งอันชนเหล่านั้นสางได้แล้ว นามและ

รูปย่อมดับไปไม่เหลือในที่ใด ปฏิฆสัญญา

รูปสัญญา และตัณหาพายุ่งนั่น ย่อมขาด

ไปในที่นั้น.

[๖๔๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ชฏาภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนักฯลฯ ก็แหละท่านชฏาภารทวาชะ ได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล



ความคิดเห็น 1    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 3 พ.ย. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ