แด่กัลยาณมิตร 2.
โดย พุทธรักษา  12 มิ.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 3986

ถึง ... คุณแล้วเจอกันที่นับถือ

คำตอบของคุณคล้ายเดาใจผู้ถามได้ ผู้ถามจึงได้รับประโยชน์มากจากไหวพริบและความใส่ใจ รวมทั้งความขยันในการค้นคว้า กรุณาอธิบายเป็นภาษาที่เข้าใจได้.จักขอบพระคุณมากเพราะข้าพเจ้าพิมพ์ไม่เก่ง อ่านพระสูตรไม่ค่อยเข้าใจ บางความเห็นของท่าน ช่วยคลายความสงสัยโดยไม่ต้องถาม (เพราะถามไม่ถูก) แสดงความเห็นบ่อยๆ ต้องพึ่งปัญญาของท่านแล้วละ ขอบพระคุณอย่างสูง



ความคิดเห็น 1    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 12 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ขออนุโมทนา คุณพุทธรักษาที่สนใจพระธรรมครับ

เรื่อง จงมีธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึ่งคือการเจริญสติปัฏฐาน

[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 274

ข้อความบางตอนจาก มหาปรินิพพานสูตร

ทรงแสดงเรื่องมีตนเป็นเกาะมีตนเป็นสรณะ ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นผู้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ อย่างไร

ดูก่อนอานนท์ ภิกษุในพระศาสนานี้พิจารณากายในกาย เป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาเวทนาในเวทนาทั้งหลาย . . . พิจารณาจิตในจิต. . . พิจารณาธรรมในธรรมทั้งหลาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้

ดูก่อนอานนท์ ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นผู้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ ด้วยอาการอย่างนี้แล

ดูก่อนอานนท์ เพราะว่า ในกาลบัดนี้ก็ดี โดยการที่เราตถาคตล่วงลับไปแล้วก็ดี ภิกษุทั้งหลายพวกใดพวกหนึ่ง จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่ ไม่เป็นผู้มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ จักมีธรรมเป็นเกาะมีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่เป็นผู้มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ ภิกษุทั้งหลายพวกใดพวกหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ใคร่ในการศึกษาเหล่านี้นั้น จักเป็นผู้ประเสริฐสุดยอด ดังนี้แล

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 2    โดย อิสระ  วันที่ 13 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย พุทธรักษา  วันที่ 13 มิ.ย. 2550

ขอบพระคุณมาก ที่เตือนสติว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วจะจำไว้ค่ะ.


ความคิดเห็น 4    โดย wannee.s  วันที่ 13 มิ.ย. 2550

กุศลทุกอย่งเป็นที่พึ่ง พึ่งตนเอง คือปัญญา อ่านพระไตรปิฏก ฟังธรรม เป็นทั้งกัลยาณมิตรและที่พึ่งที่ดีที่สุดค่ะ

ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษาที่สนใจธรรมะค่ะ จะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 13 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การจะอบรมปัญญา ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม กัลยาณมิตร การสนทนา สอบถามเพื่อความเข้าใจที่ยังไม่ถูกให้ถูกขึ้น หรือที่ถูกขึ้นแล้วก็ให้่มั่นคงขึ้นครับ เมื่อมีความเข้าใจเจริญขึ้น (ปัญญาเจริญ) ปัญญาของตนเองนั่นแหละจะเป็นที่พึ่งของตนเอง มิใช่ปัญญาของคนอื่นที่จะสามารถดับกิเลสได้ครับ

ดังนั้น ตนจึงเป็นที่พึ่งของตนก็เพราะปัญญาของตนเองดับกิเลสของตนเองครับ แต่ปัญญาระดับไหนหละที่จะดับกิเลสได้ถ้าไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐานเท่านั้น ระลึกสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เราครับ ดังข้อความในพระสูตร ข้างต้นที่ว่ามีธรรมเป็นเกาะคือการเจริญสติปัฏฐาน

การที่เกิดมาพบกันในแต่ละชาติ โดยสถานต่างๆ ในสังสารวัฏ การพบกันในชาติซึ่งได้เกื้อกูลเป็นมิตรกันในพระธรรม หรือว่ามีส่วนร่วมกันเผยแพร่พระธรรม ชาตินั้นก็ต้องเป็นชาติที่ประเสริฐสุดในสังสารวัฏยิ่งกว่าชาติอื่นๆ

ข้อความบางตอนจาก คำบรรยายเรื่อง บารมีในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ไม่ทิ้งกัน ตราบจนกว่าจะสิ้นกิเลส

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 7    โดย petcharath  วันที่ 14 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย พุทธรักษา  วันที่ 14 มิ.ย. 2550

ขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านอย่างสูง


ความคิดเห็น 9    โดย พุทธรักษา  วันที่ 17 มิ.ย. 2550

ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วค่ะ ว่าการศึกษโดยตรงจากพระพุทธดำรัส มีประโยชน์มาก (แม้จะไม่คุ้น แต่ถ้ามีความเพียรก็จะคุ้นไปเอง) จากพระสูตร เห็นได้ชัดว่าถ้าจะพูดถึงกิเลสแล้วคนในสมัยไหน ก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าขอขอบคุณสหายธรรมทุกท่านที่กรุณาค้นคว้าพระสูตรมาให้อ่าน ถ้าคาถาไหนยังไม่เข้าใจ คงต้องรบกวนเรียนถามกรุณาชี้แนะด้วยนะคะ


ความคิดเห็น 10    โดย olive  วันที่ 18 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย พุทธรักษา  วันที่ 3 ก.ย. 2550

คิดมากห้ามไม่ได้ เพราะสะสมมา แต่คิดมาก ในพุทธศาสนาก็สมควร


ความคิดเห็น 13    โดย pamali  วันที่ 29 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย chatchai.k  วันที่ 14 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 15    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 8 ก.พ. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ