ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๙
โดย khampan.a  17 ก.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 43361

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๙


~ "พระพุทธศาสนา" คำนี้ประเสริฐแค่ไหน ให้ความจริง ซึ่งชาวโลกไม่เคยรู้มาก่อน เกิดมาในโลกไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติในแสนโกฏิกัปป์ ก็ไม่รู้จักโลก ไม่รู้จักชีวิต ไม่รู้อะไรเลยตั้งแต่เกิดจนตายมาก่อน นานแสนนาน แต่คำสอนของผู้ที่ทรงตรัสรู้ ทำให้สามารถที่จะรู้ความจริงในสิ่งที่ถูกปิดไว้สนิท
~ โลกไม่สงบ เดือดร้อนวุ่นวายทั้งหมด เพราะกิเลส ไม่มีทางที่จะหมดได้เลย ถ้าตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริง คือ ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จะระงับความไม่สงบสุขทั้งหลายได้ ก็ด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้ฟังอย่างนี้แล้วยังจะเฉยเมยไหม ทั้งๆ รู้ว่า นี้แหละเป็นสิ่งเดียวที่สามารถที่จะนำความสงบสุขมาให้ จากการที่เริ่มเข้าใจถูกต้อง คือ ปัญญา ปัญญา เห็นถูกเข้าใจถูก ต้องนำไปสู่สิ่งที่ถูกต้องที่เป็นคุณความดีทั้งหมดได้
~ เห็นความน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งของปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะปัญญาจะถือเอาแต่สิ่งที่ควร ที่เป็นประโยชน์ และจะทิ้งสิ่งที่ไม่ควร
~ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อที่จะช่วยกันให้แต่ละคนพ้นจากกิเลสตามสมควร จากการที่จะเข้าใจธรรม เพราะเหตุว่า กิเลสทั้งหลายไม่มีทางเลยที่ใครจะไปลบ ไปล้าง ไปละ ไปทำให้บรรเทาลงได้นอกจากความเข้าใจถูกเท่านั้น
~ ใครก็ตามที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ผู้นั้น ก็ออกจากพระธรรมวินัย ไม่ใช่ผู้นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ตราบใดที่ยังเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของพระธรรม แม้ว่าชาตินี้อาจจะได้เข้าใจธรรมขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ถูก ต่อไปข้างหน้าก็จะไม่หลงผิด ไม่ไปทางผิด และก็รู้ว่าสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาต่อไปได้
~ การกระทำไม่ดีหรือทุจริตทั้งหมดก็มาจากจิตที่เป็นอกุศล แล้วใครไม่มีอกุศลจิต ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะขัดเกลาได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้ขัดเกลา ก็เป็นอย่างที่เห็น คือ กระทำผิดต่างๆ มากมาย
~ เป็นมิตรที่หวังดีจริงๆ ให้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เขาจะไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็มีความหวังดี ถึงที่สุด แล้วแต่ว่ากาลไหน โอกาสไหน ก็ตามแต่ ก็พูดคำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ เปิดเผยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คนได้พิจารณาไตร่ตรอง เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้นเป็นกุศล อกุศลนี้พึ่งไม่ได้เลย แต่ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น คือ คุณของกุศล ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้เจริญกุศลทุกประการอย่างละเอียด เพราะเหตุว่าเห็นโทษว่า อกุศลธรรมนั้นมีกำลังมากกว่า เพราะเหตุว่าสะสมมากกว่า
~ ตัวท่านเองก็จะเป็นบุคคลนี้อยู่อีกไม่นานเลย บุคคลนี้ในชาตินี้เป็นอย่างไร ย่อมประจักษ์แจ้งกับตัวของท่านเองว่า ชาตินี้ท่านเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส การที่ได้รับผลของกรรมที่เป็นกุศลวิบาก อกุศลวิบากอย่างไร แต่ว่าก็ไม่นานเลย ก็จะเป็นบุคคลอื่น พ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้
~ เป็นความจริงที่เมื่อเกิดมาแล้ว ทุกคนก็ยังมีกิเลส ในชีวิตประจำวันจะเห็นได้จริงๆ ว่ายังเป็นไปตามกำลังของกิเลส ที่จะไม่ให้กิเลสเกิดเลยในวันหนึ่งๆ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่ทำให้กิเลสค่อยๆ ลดกำลังลง ก็คือ ไม่ทอดทิ้งการศึกษาการฟังพระธรรม การพิจารณาพระธรรมโดยละเอียด เพื่อที่จะให้เกิดปัญญาที่สามารถระลึกได้รู้ลักษณะของสภาพธรรมในชีวิตประจำวันจริงๆ
~ ปัญญาก็สามารถทำให้เข้าใจถูกต้องว่า อกุศลเป็นโทษแน่นอน ในขณะที่อกุศลเกิดทำร้ายใคร? ทำร้ายจิตที่กำลังเป็นอกุศลในขณะนั้น แล้วยังทำร้ายต่อไปถึงคนอื่นอีกมากมายตามกำลังของอกุศลนั้นๆ
~ ไม่ควรที่จะลืมเลยว่า อีกไม่นานก็ถึงชาติหน้า และก็ชาติหน้าท่านอยากจะเป็นบุคคลประเภทไหน อยากจะมีกิเลสน้อยหรือว่าอยากจะมีกิเลสมาก? ดูเหมือนว่าชาตินี้กิเลสมาก แต่ว่าชาติหน้าอยากมีกิเลสน้อย นั่นก็เหตุกับผลยังไม่ตรงกันในเมื่อชาตินี้มีกิเลสมาก แต่ว่าชาติหน้าอยากมีกิเลสน้อย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล มี และ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
~ ทั้งชีวิตถ้าสามารถที่จะช่วยให้ใครได้มีโอกาสเข้าใจถูกต้อง ก็เท่ากับทำให้เขาพ้นจากความเห็นผิดอีกมากมายมหาศาลที่จะต้องเกิดขึ้นในสังสารวัฏฏ์แล้วก็เห็นผิดไปอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น มีโอกาสที่จะได้ฟังคำที่ถูกต้อง ต้องไม่ประมาทแล้วก็รู้ว่าคุณค่าของการที่ได้เกิดมา ก็คือ ตรงที่ได้เข้าใจธรรม เพราะทุกอย่างหมดแล้วแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
~ เพื่อนแท้ ย่อมไม่ให้ใครไปในทางที่ผิดเลย ถึงเขาจะชังอย่างไรก็ตามแต่ แต่หวังดีต่อเขา ที่จะให้เขาได้เข้าใจถูกต้อง ไม่หวั่นไหว ใครจะรักจะชัง ในเมื่อเราไม่ได้ทำเพื่อใครรักใครชัง แต่ทำเพราะว่าหวังจะให้ได้เข้าใจถูกต้อง
~ ความเห็นผิด อันตรายที่สุดในสังสารวัฏฏ์ เพราะถ้าวันนี้ ผิด ผิด ผิด ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ผิดต่อไป ไม่มีวันที่จะกลับมาหาความเห็นถูกได้ น่าเสียดายไหม พลาดโอกาสที่จะได้เข้าใจความจริง
~ ถึงเวลาแล้วที่จะให้ทุกคนที่ไม่รู้พระธรรมวินัยได้เข้าใจถูกต้องว่าอะไรถูก อะไรผิด เมื่อเป็นผู้ที่ตรง ก็จะได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำสิ่งที่ถูกต้อง คือ สิ่งใดที่ผิดจากพระธรรมวินัย ก็ไม่ส่งเสริม ทุกคนถ้าเข้าใจถูก ก็พูดถูก ทำถูก
~ ทุกอย่างที่เป็นกุศลในชีวิตประจำวัน ทำแล้วหรือยัง หรือว่ายังทำไม่ได้ ถ้าชาตินี้ทำไม่ได้ ชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร คิดว่าชาติต่อไปจะทำได้หรือถ้าชาตินี้ทำไม่ได้ ในเมื่อชาตินี้ยังยาก ชาติหน้าย่อมยากยิ่งขึ้นไปอีก
~ ปัญญา เห็นความถูกต้อง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั้นเองก็จะรู้ว่าควรจะอบรมเจริญสิ่งใดให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้วความดีทั้งหลายก็เจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลายก็ลดน้อยลง
~ ควรเจริญกุศลทุกทางทุกโอกาส เพราะเมื่อเป็นโอกาสของกุศลแล้วไม่ทำกุศล โอกาสของกุศลก็หมดไป โอกาสทำกุศลเป็นโอกาสที่หายากในชีวิต ในวันหนึ่งๆ ลองพิจารณาว่าอกุศลมากหรือกุศลมาก เมื่อมีโอกาสที่จะเจริญกุศลทางใด ก็ไม่ควรให้โอกาสนั้นผ่านไป เพราะเมื่อกุศลไม่เกิด อกุศลก็เกิด
~ ต้องอาศัยกาลเวลาในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสเมื่อเห็นกิเลสมากเท่าใด ก็รู้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียวกว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมและไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่า พระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมดเป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาและการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น
~ มีเมตตาต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด ขณะนั้นจิตสงบเพราะเป็นกุศล และถ้ามีความเป็นมิตรต่อแต่ละบุคคลที่พบ โดยไม่เลือก ยิ่งเพิ่มความเป็นมิตรเพิ่มขึ้น จิตขณะนั้นก็เป็นกุศลเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๘


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย natthayapinthong339  วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบขอบพระคุณ และ กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย petsin.90  วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย มังกรทอง  วันที่ 17 ก.ค. 2565

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 4    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย capacitor4  วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง กราบยินดีในกุศลทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย เข้าใจ  วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย tim7755tim  วันที่ 18 ก.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น. กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจาร


ความคิดเห็น 9    โดย jaturong  วันที่ 18 ก.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย tim7755tim  วันที่ 20 ก.ค. 2565

ขอบูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยจิตที่บริสุทธิ์ขอเดินตามรอยพระบาท. กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์


ความคิดเห็น 11    โดย tim7755tim  วันที่ 22 ก.ค. 2565

กราบขอบพระคุณอนุโมทนากุศลค่ะ ท่านอาจารย์และกัลยานมิตรทุกท่าน


ความคิดเห็น 12    โดย Lai  วันที่ 23 ก.ค. 2565

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ก.ย. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา