ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๓
โดย khampan.a  3 พ.ค. 2558
หัวข้อหมายเลข 26504

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๓

“วิถีจิต” หมายความถึง จิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ, จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต ก็ย่อมไม่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะฉะนั้น ในวันหนึ่งๆ ก็จะมีทั้งจิตที่ไม่ใช่วิถีจิต และจิตที่เป็นวิถีจิต

ถ้ายังไม่หมดกิเลส ก็ยังมีเหตุที่จะทำให้คำร้ายๆ เกิด


จะต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญา โดยเสพคุ้นกับพระธรรมทีละเล็กทีละน้อย โดยไม่ประมาทเลย มิฉะนั้นแล้ว ก็จะทำให้ห่างไกลออกไปจากการที่จะได้คุ้นเคยกับพระธรรม

บุคคลในสมัยพระผู้มีพระภาค มีความศรัทธา เลื่อมใส และเห็นประโยชน์ของการคบหาสมาคมกับพระธรรม

ทุกคนเห็น แล้วก็ลืมว่า ตัวเองมีโลภะ กำลังชอบใจ พอใจ สนุกสนานในสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือนึกคิดเรื่องราวต่างๆ ที่น่าเพลิดเพลินทางใจ ก็ลืมว่า ในขณะนั้นมีโลภะ

ความตายนี้รวดเร็วมากทีเดียว เร็วยิ่งกว่าการที่จะกะพริบตา หรือว่าเพียงแต่จะเหยียดมือออก นั่นก็ยังนานกว่าการจุติและปฏิสนธิ เพราะเหตุว่าขณะจิตไม่มีระหว่างคั่นเลย ทันทีที่จุติจิตดับลง ปฏิสนธิจิตเกิดต่อทันที เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะน่ากลัว กำลังพูดอยู่ขณะนี้สิ้นชีวิตลงก็ได้ กำลังคิดค้างอยู่สิ้นชีวิตลงก็ได้ กำลังลืมตาแล้วหลับตาลงสิ้นชีวิตลงก็ได้ ได้ทุกขณะทีเดียวเร็วมาก เร็วที่สุดจนไม่น่าที่จะต้องกลัวเลยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนความตายก็พร้อมที่จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แล้วปฏิสนธิก็เกิดต่อทันที

เรื่องของการขัดเกลากิเลส เป็นเรื่องที่ต้องเพียรอบรมจริงๆ เพราะเหตุว่ากุศลนั้นเป็นของธรรมดาที่ว่าย่อมเกิดยาก เจริญยากกว่าอกุศล อกุศลเกิดง่าย โลภะก็ไม่ต้องระมัดระวังอะไรเลย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มีอยู่ตลอดเวลา โทสะก็เหมือนกัน โมหะก็เหมือนกัน แต่ที่จะให้จิตเป็นไปในกุศล เป็นไปในการขัดเกลาและดับกิเลสเป็นเรื่องที่ยาก

เรื่องของสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นอนัตตานั้น ถ้ายังมีเหตุปัจจัยของอกุศลธรรมอยู่ อกุศลธรรมนั้นก็เกิด และก็เป็นปัจจัยให้กระทำอกุศลกรรมได้ ถึงแม้ว่าท่านเป็นผู้ที่ใคร่จะดับกิเลส แต่ถ้ายังมีปัจจัยที่จะให้ทำทุจริตกรรมอยู่ ทุจริตกรรมก็ย่อมเกิดได้

การเกื้อกูลกันให้เกิดความเห็นถูกในข้อประพฤติปฏิบัติ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเหตุว่า ถ้าท่านมีความเข้าใจผิด มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในข้อประพฤติปฏิบัติ ไม่มีโอกาสเลยที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

ถ้าบุคคลใดไม่มีความเห็นถูก การปฏิบัติก็ไม่ถูก การรู้แจ้งธรรมก็ถูกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ความเห็นถูกเป็นเบื้องต้นทีเดียว เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ท่านสามารถประพฤติปฏิบัติต่อไปจนกระทั่งได้รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง

การปฏิบัติธรรมจะต้องตรงกับปริยัติที่ศึกษาแล้วด้วย ถ้าผิดหรือคลาดเคลื่อนจะถูกได้อย่างไร ถ้าท่านผู้ใดปฏิบัติแล้ว ความรู้ของท่านไม่ตรงกับปริยัติที่ได้ศึกษามา ท่านจะถือว่าถูกไหม?

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ และทรงแสดงเป็นขณะ และเป็นสมัยที่ยากที่จะมีได้ ถ้าบังเอิญบุคคลหนึ่ง บุคคลใดเกิดในนรก เป็นเปรต เป็นสัตว์ดิรัจฉานในอบายภูมิที่ไม่สามารถที่จะฟังเข้าใจในอรรถ ในธรรม ไม่สามารถที่จะอบรมเจริญปัญญา ให้รู้ชัดในสภาพธรรมความเป็นจริงได้ ขณะนั้นก็เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ขณะ ไม่ใช่สมัย ในการที่จะได้อบรมปัญญาได้

คนที่จะไม่ติดในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ นี้น้อย ไม่ใช่มาก เมื่อได้โภคทรัพย์ยิ่งๆ ขึ้น ประณีตขึ้น ที่จะไม่ให้ติด ไม่ยินดีในโภคทรัพย์ที่ยิ่งขึ้น และ ประณีตขึ้นนั้นย่อมไม่มี ใช่ไหม? เพราะว่าสัตว์เหล่าใดที่ได้โภคทรัพย์ยิ่งๆ ขึ้นแล้ว ย่อมไม่มัวเมา ไม่ประมาท ไม่ถึงความติดอยู่ในกามคุณ และไม่ประพฤติผิดในสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มีจำนวนน้อยในโลก

ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ตรัสรู้ธรรมโดยตรง โดยละเอียด โดยทั่วถ้วน ก็คงจะไม่ทราบว่าจิตใจของสัตว์โลกทั้งหลายที่ยังมีกิเลสที่ได้สะสมมา จะมีพฤติการณ์ ประสบการณ์ หรือว่าการกระทำต่างๆ กันไปตามกิเลสนั้นอย่างไรบ้าง เป็นผู้ที่กลบเกลื่อนเรื่องของตนหรือว่าเป็นผู้ที่อาศัยบุคคลผู้กำลังเวลาที่มีบุคคลอื่นกล่าวหาเรื่องบางอย่าง แต่อย่าลืมว่า จิตที่เป็นอกุศลที่เป็นทุจริตนั่นเอง ทำลาย กำจัดบุคคลนั้นแล้ว โดยที่ว่าบุคคลอื่นไม่ต้องมาทำอันตรายให้ เมื่ออกุศลธรรมเกิดขึ้นแล้ว ย่อมทำลายบุคคลนั้นเอง ย่อมกำจัดบุคคลนั้น

จะเห็นได้ว่า การที่มีกิเลสความติดข้องในรูปมาก ในเสียงมาก ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะมาก ก็ย่อมจะมีกำลังถึงกับกระทำให้กระทำการทุจริตกรรมตามประเภทของกิเลสที่ได้สะสมมา

ถึงเขาจะเป็นคนเลวสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่เราก็สามารถมีความหวังดีได้ ไม่ใช่ไปช่วยเขาทำความเลว แต่หมายความว่า หวังดีที่จะให้เขาได้เป็นคนดีและเข้าใจธรรม

ต้องไม่ลืมว่า พระธรรมทั้งหมด ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งด้วยพระปัญญาคุณที่ได้สะสมมา ก็ทรงแสดงธรรมนั้นโดยละเอียดยิ่ง โดยประการทั้งปวง โดยนัยต่างๆ

อย่ามองข้ามสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด คือ กุศลทุกอย่าง เพราะถ้าปราศจากกุศลเหล่านี้แล้ว จิตก็เป็นอกุศล

ปัญญาประเสริฐสุด แต่ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ไม่มีทางที่ปัญญาจะเกิดได้เลย

ที่ได้เกิดมาเป็นคนนี้ ในชาตินี้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่แท้จริง คือ ได้เข้าใจธรรม

รู้จ้กพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการเข้าใจพระธรรม

ในยุคนี้สมัยนี้ คนลืมแม้กระทั่งคำว่า พระพุทธศาสนา พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนา คือ คำสอนของพระองค์ ดังนั้น พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คนลืม คือ ลืมฟัง ลืมศึกษาคำสอนของพระองค์.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ



ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๙๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย paew_int  วันที่ 3 พ.ค. 2558

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย panasda  วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 3 พ.ค. 2558

กราบท่านอาจารย์

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยครับ


ความคิดเห็น 5    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย ms.pimpaka  วันที่ 4 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Boonyavee  วันที่ 4 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 4 พ.ค. 2558

เรื่องของสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นอนัตตานั้น ถ้ายังมีเหตุปัจจัยของ อกุศลธรรมอยู่ อกุศลธรรมนั้นก็เกิด และก็เป็นปัจจัยให้กระทำอกุศลกรรมได้ ถึงแม้ว่าท่านเป็นผู้ที่ใคร่จะดับกิเลส แต่ถ้ายังมีปัจจัยที่จะให้ทำทุจริตกรรมอยู่ ทุจริตกรรมก็ย่อมเกิดได้

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ...


ความคิดเห็น 9    โดย j.jim  วันที่ 4 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย ch.  วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย jaturong  วันที่ 6 พ.ค. 2558
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ