การรู้ใจผู้อื่น
โดย แต้ม  26 ม.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 29443

ผมได้เปิดสถานีโทรทัศน์รายการหนึ่ง ได้เจอฆราวาส มาบรรยายธรรม ฟังดูก็น่าเชื่อถือ เพราะเทียบกับพระไตรปิฎก ก็ตรงตามพระไตรปิฎก แต่มีอยู่สองเรื่อง ที่ยังข้องใจ คือ เรื่องสัมภเวสี ที่อธิบายแตกต่างจากพระไตรปิฎก ส่วนนี้ผมไม่ขอเรียนถามนะครับ แต่สงสัย ข้อที่ว่า เขาได้ณาน สามารถรู้ความคิด ของผู้อื่น ได้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของตนเอง สามารถเข้าณาน และออกจากณานได้ เป็นไปได้หรือครับ จะเป็นไปได้หรือไม่ ผมก็ไม่เอามาใส่ใจหรอกครับ แต่ถามเพื่อประดับความรู้เพิ่มเติมครับ

ขอขอบพระคุณครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 28 ม.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เจโตปริยญาณ คือ ปัญญาที่สามารถรู้จิตใจของผู้อื่น ว่าจิตใจของผู้นั้นคิดอะไร จิตของผู้นั้นเป็นกุศล หรือ อกุศล ประกอบด้วยกิเลส หรือไม่ประกอบด้วยกิเลส ซึ่งการจะได้เจโตปริยญาณ ก็ด้วยการเจริญสมถภาวนา จนถึงขั้นสูงสุดได้ฌานสูงสุด แต่ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ และยังมีอบายภูมิเป็นที่หวังได้อยู่ สำหรับผู้ที่เจริญเจโตปริยญาณดังนั้น ไม่ใช่เพียงกล่าวว่ารู้ใจผู้อื่นได้ฌาน แต่ต้องแสดงเหตุที่ถูกต้องว่า การจะได้ฌานรู้ใจผู้อื่นอบรมเหตุอย่างไร นี่คือประการที่สำคัญครับ ว่าตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงหรือไม่

ประโยชน์จริงๆ จึงไมไ่ด้อยู่การรู้ใจผู้อื่นได้ ว่าใจของผู้นั้นคิดอย่างไร เพราะในสัจจะความจริง เมื่อไม่ได้เจริญหนทางดับกิเลส คือ การเจริญวิปัสสนา ก็ไม่ได้รู้ใจของตนเองตามความเป็นจริง เพราะไม่ได้รู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมไม่ใช่เรา เมือ่ไม่ไ่ด้รู้ความจริงอย่างนั้นก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ครับ พระพุทธองค์จึงแสดงหนทางที่ประเสริฐให้สัตว์โลก ละกิเลสได้ด้วยการเจริญวิปัสสนาที่ไม่ใช่การรู้ใจของผู้อื่นที่เป็นเจโตปริยญาณครับ ดังนั้นเมื่ออยากต้องการจะรู้ใจ แต่เหตุที่จะได้ยากมากครับ จึงไม่ใช่ฐานะเพราะต้องเจริญฌานสูงสุดคล่องแคล่วและแม้ได้แล้วก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ จึงควรเห็นประโยชน์ของการรู้จิตใจของตนเองตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมมไม่ใข่เราครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 28 ม.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อจะได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรมเกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้ได้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง พระองค์ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟังได้พิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผล สะสมเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้ฟังเอง ซึ่งกิจที่ทุกคนควรทำอย่างยิ่ง คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ การรู้ใจคนอื่น (ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้ได้ยาก) ไม่สำคัญเท่ากับการรู้ใจตัวเอง ว่าสะสมอะไรมามากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะกิเลส สะสมมามากเหลือเกิน เพื่อประโยชน์แก่การขัดเกลาละคลายให้เบาบางลงจนกระทั่งสามารถดับได้อย่างหมดสิ้นในที่สุด

หนทางที่ถูก ที่เป็นไปเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลส คือ อะไร นั่นก็คือ การอบรมเจริญปัญญา ส่วนการจะดำเนินตามทางดังกล่าวหรือไม่นั้น ก็เรื่องของแต่ละบุคคลจริงๆ ถ้าเป็นผู้ดำเนินตามทางดังกล่าว ผลก็คือ สามารถไปถึงการดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด แต่ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่เพียงแค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงแสดงหนทางที่ถูกต้องแล้ว แต่บุคคลนั้นไม่ดำเนินตามทางดังกล่าว ก็ย่อมเป็นผู้ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ไม่เข้าใจความจริง และไม่สามารถออกไปจากวัฏฏะ ไม่สามารถพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้เลย ครับ.

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 29 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 1 ก.พ. 2561

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย แต้ม  วันที่ 1 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณครับ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 9 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ