
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 74
นันทนวรรคที่ ๒
๑. นันทนสูตร
ว่าด้วยคำของพระอรหันต์
บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา อธิบายว่าสังขารอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งหมด ชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วหามีไม่ (เกิดแล้วก็ดับไป) .
คำว่า อุปฺปาทวยธมฺมิโน ได้แก่ สภาวะที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป (มีความเกิดขึ้นและมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา) .
คำว่า อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ นี้ เป็นไวพจน์ของคำก่อน (คือ อุปฺปาทวย ) .
อ.คำปั่น: เพราะเป็นแต่เพียงธรรมะ แต่ละหนึ่งๆ ที่เกิดแล้วดับไปเท่านั้นครับ
ท่านอาจารย์: ก็ต้องเข้าใจความหมายด้วยตามความเป็นจริง ไม่มีจริงๆ เพราะจากไม่มี ก็มี แล้วหามีไม่
อ.คำปั่น: ใช่ครับ เป็นข้อความที่เกื้อกูลทั้งหมดเลยครับ อย่างข้อความในอรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค นันทนสูตร ที่อธิบายพระคาถาว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา ก็เป็นประโยชน์มาก ขออนุญาติอ่านนะครับ
ข้อความมีดังนี้ครับ
บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา อธิบายว่าสังขารอันเป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งหมด ชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะอรรถว่า มีแล้วหามีไม่
คำว่า อุปฺปาทวยธมฺมิโน ได้แก่ สภาวะที่เกิดขึ้นและเสื่อมไป อีกอย่างหนึ่งแปลว่า เพราะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า มีความเกิดขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดาครับ
นี่ก็เป็นข้อความที่แสดงถึงความไม่เที่ยงของธรรมะที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยครับ แม้ว่า ข้อความแสดงชัดเจนอย่างนี้ แต่ว่าความเข้าใจยังน้อยมากครับ ในขั้นการฟังก็เพิ่มสะสมความเข้าใจว่า เห็นคล้อยตามว่า เป็นอย่างนั้นจริงๆ จากไม่มีเห็น ก็มีเห็น และก็ไม่มีเห็นครับ นี่ก็พอเทียบเคียงไตร่ตรองตามพระธรรมที่ทรงแสดงw;hแล้วได้ แต่ก็ยังลืมอยู่ตลอดเวลาในความเป็นไปของธรรมะครับท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: มั่นคงไหมว่า เดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ เกิดดับ ไม่เหลือเลย
อ.คำปั่น: ความจริงเป็นอย่างนั้นครับ มั่นคงครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหม เพราะฉะนั้น จะไม่รู้หรือ หรือสามารถจะรู้ได้ตามความเป็นจริง?
อ.คำปั่น: ก็เป็นสิ่งที่สามารถรู้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ก็เริ่มสะสมความเข้าใจไปครับ
ท่านอาจารย์: มีหนทางอื่นไหม นอกจากเข้าใจขึ้นๆ ?
อ.คำปั่น: ไม่มีหนทางอื่นเลยนอกจากหนทางนี้ ฟังบ่อยๆ เนืองๆ ซ้ำๆ แล้วก็ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับครับ
ท่านอาจารย์: และความเข้าใจก็ต้องเกิดด้วย และก็ต้องมีปัจจัยให้เกิดด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะเกิดขึ้นมาเองได้
อ.คำปั่น: ชัดเจนมากครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็อีกนานเท่าไหร่บังคับบัญชาไม่ได้ แต่มีความเข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏทีละเล็กทีละน้อย
ไม่ใช่ไปคิดเอง ทุกอย่างเกิดแล้วดับ แล้วเดี๋ยวนี้ล่ะ?
อ.อรรณพ: เกิดความสบายใจ เบาใจ มั่นใจ มั่นคง เพิ่มขึ้นมากๆ ครับ ที่ท่านอาจารย์กล่าวกับ อ.คำปั่น ว่า รู้ได้ไหม อ.คำปั่น ตอบว่ารู้ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รู้อย่างนั้น แต่ ต้องรู้ได้ แล้วก็มั่นคงใจในหนทาง เพราะว่ามีความเข้าใจว่า หนทางของปัญญาต้องค่อยๆ อบรมเจริญไป ต้องเป็นไปเช่นนั้น จนกว่าปัญญาจะเกิดแทรกอวิชชาจน มากขึ้นๆ จนขจัดอวิชชาต้องเป็นได้ จึงมีพระอริยบุคคลจริงๆ ครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น สัญญามั่นคงเดี๋ยวนี้ในอะไร?
อ.อรรณพ: ในความจริงของสิ่งที่มีจริงนี้ครับในหนทางที่จะรู้ความจริง
ท่านอาจารย์: แล้วจะรู้อะไร?
อ.อรรณพ: รู้สิ่งที่ปรากฏที่ไม่เคยปรากฏตามความเป็นจริง จนกว่าจะเริ่มปรากฏตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น รู้สิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า รู้หรือยัง?
อ.อรรณพ: ปัญญายังไม่พอที่จะรู้ได้
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น รู้ได้ด้วยตัวเองใช่ไหม?
อ.อรรณพ: ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะมีความมั่นคงในคำว่า รู้สิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ ยากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่ใช่หนทาง จนกว่าจะถึง เพราะว่า สิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ ดับ แล้วก็มีสิ่งที่เกิดต่อ แล้วก็ดับ
อ.อรรณพ: เป็นอย่างนั้นเลยครับ
ท่านอาจารย์: ไม่ใช่พูดเฉยๆ นะ แต่พูดให้จำมั่นคงว่า ปัญญาจะรู้อื่นไม่ได้ ต้องรู้สิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้
อ.อรรณพ: เกิดแล้วจึงปรากฏ ก็ต้องรู้สิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ จากเดิมที่เกิดอยู่เรื่อยๆ เกิด ไม่ว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีหรือไม่มีพระธรรม ก็มีสิ่งที่เกิด แล้วก็ปรากฏ แต่ปรากฏกับความไม่รู้ปรากฏไม่ดี จนกว่าจะปรากฏกับความรู้ แล้วความรู้นั้นก็สามารถจะรู้ตรงสิ่งที่ปรากฏ เพราะเกิดตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ผิด ที่จะไปพยายามทำให้เกิด แล้วจึงรู้
อ.อรรณพ: เพราะเกิดแล้ว จะมีเราไปทำอะไรได้ ในเมื่อเกิดแล้ว แค่ความคิดว่าจะทำ ก็เกิดแล้ว ความคิดที่จะทำก็เกิดแล้ว
ท่านอาจารย์: และถ้าไม่รู้ ขณะนั้นก็เป็นเรา
อ.อรรณพ: เป็นเราที่คิดจะทำ ซึ่งบังอาจมากครับท่านอาจารย์ บังอาจอะไรที่จะไปคิดทำ เพราะว่าเป็นธรรมะ เพราะว่ามีอำนาจที่จะเป็นไปอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ความไม่รู้ความอหังการ์ของอกุศล คิดจะไปทำธรรมะ คิดจะไปทำอย่างโน้นคิดจะไปทำอย่างนี้ เพราะจะไปคัดค้านการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังอาจมากที่จะไปคิดไปทำ คัดค้านการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ธรรมะเกิดแล้ว ใครจะไปทำ ไม่มีใคร เป็นไปโดยอำนาจของปัจจัยทั้งสิ้น
ขอเชิญฟังได้ที่ ..
ไม่ใช่ไม่มีแล้วพยายามไปรู้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ
เดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ เกิดดับ ไม่เหลือเลย
ผิด ที่จะไปพยายามทำให้เกิด แล้วจึงรู้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ