ในชีวิตประจำวัน การรักษาศีล 8 เหมาะสมสำหรับเพศฆราวาสหรือไม่ ในเมื่อเรายังต้องทำงาน ยังต้องข้องเกี่ยวกับทางโลก หรือว่า รักษาแค่ศีล 5 ก็พอ

อุโบสถศีลหรือศีล ๘ เป็นศีลของคฤหัสถ์ผู้มีศรัทธาในกุศล มีอัธยาศัยในการออกจากกิเลส จึงมีข้อความในพระสูตรว่า พระอริยสาวกผู้เป็นคฤหัสถ์ ใคร่จะมีชีวิตอยู่อย่างพระอรหันต์วันหนึ่งคืนหนึ่ง จึงสมาทานสิกขาบท ๘ ข้อ (อุโบสถศีล) คือ ในวันนั้น ท่านละเว้นจากการงานที่เคยทำประจำ มามีชีวิตอยู่อย่างผู้ประเสริฐ จึงรักษาศีล ๘ ดังนั้น ผู้ที่มีศรัทธาจะรักษาอุโบสถศีล ควรกระทำตามแบบอย่างพระอริยสาวกในสมัยครั้งพุทธกาล คือ งดเว้นกิจการงานธุรกิจทั้งหลายในวันนั้น ถ้าไม่สะดวกควรรักษาศีล ๕ ก็พอ เพราะถ้าสมาทานศีล ๘ แต่ขณะจิตเต็มไปด้วยอกุศล หรือมีความกังวล ศีลที่รักษาย่อมศร้าหมองไม่ผ่องใส อุโบสถไม่ใช่อริยอุโบสถ

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่ ...

ศีล 8

จุดประสงค์ของการรักษาอุโบสถศีล 8 เพื่อขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้นกว่าปกติที่เคยรักษาศ๊ล 5 ที่สำคัญต้องประกอบด้วยปัญญาและเป็นอัธยาศัยของบุคคลนั้นจริงๆ ค่ะ แต่ถ้ารักษาศีล 5 แล้วมีปัญญา ดีกว่ารักษาอุโบสถศีล 8 แต่ไม่ประกอบด้วยปัญญาค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

ศีลอีก 3 ข้อที่เพิ่มขึ้นมาจากศีล 5 นั้น เป็นเรื่องการขัดเกลากิเลสของตัวเราเองทั้งสิ้นถ้าหากรักษาได้โดยไม่ฝืนอัธยาศัย ด้วยปัญญาที่รู้จุดประสงค์ ก็ขออนุโมทนาครับ

เคยคิดจะรักษาศีล 8 เหมือนกัน แต่ดูแล้วรู้สึกว่าจะไม่สะดวกเท่าไรนักเพราะการทำงาน ยังต้องข้องเกี่ยวกับคนในสังคมที่ยังมองคนที่รูปลักษณ์ ภายนอก ถ้าอยู่ๆ เราไม่แต่งหน้าทาแป้ง ไปทำงาน คนใกล้ชิดคงว่าเราผิดปกติแน่ จึงเลิกล้ม และคิดว่าถ้าจะถือศีล 8 ก็คงไปอยู่วัดตามเทศกาลวันสำคัญต่างๆ ดีกว่า

ถ้าเข้าใจสภาพธรรม จะไม่ฝืนธรรมชาติแต่ควรทราบว่าธรรมชาตินั้นดีหรือเลวจะได้ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ด้วยความไม่รู้แต่ความรู้ ต้องเริ่มจากการสดับฟังพระธรรมจะปฏิบัติตามได้มากน้อย ขึ้นอยู่กับกำลังปัญญาค่ะ

จาก....คุณประมาท

ถ้าเข้าใจจุดประสงค์ที่ชัดเจนของการรักษาศีล ๘ และเข้าใจอัธยาศัยของตนแล้วจะไม่ต้องไปทำอะไรให้เป็นเหมือนกับปกติของผู้อื่น แต่ผิดปกติของเราเองครับ

ขออนุโมทนาครับ