ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๒
โดย khampan.a  7 ต.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 30146

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๒

~ ชีวิตวันหนึ่งๆ ซึ่งเต็มไปด้วยอวิชชา (ความไม่รู้) ขณะนั้นหลงลืมสติ ไม่เป็นกุศล ไม่สามารถที่จะพิจารณาสภาพธรรมในชีวิตประจำวันได้ตามความเป็นจริง จนกว่าสติจะเกิดเมื่อใด มีการระลึกได้ แม้ในเหตุในผล ในความถูกความควรในชีวิตประจำวันขณะใด ขณะนั้นก็เป็นการเกิดขึ้นของสติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในชีวิตประจำวันนี้ ไม่ว่าในกาลสมัยไหน กุศลธรรมเกิดขึ้นเพราะสติมีการระลึกได้ มิฉะนั้นแล้ว วันหนึ่งๆ ทุกคนก็เต็มไปด้วยโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง

~ ถ้าไม่ใช่เพื่อมุ่งการละคลายกิเลส ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปบวชเป็นเพศบรรพชิต เพราะเป็นคฤหัสถ์ก็ฟังธรรมได้ เข้าใจธรรมได้ ขัดเกลากิเลสได้

~ ความจริงและความถูกต้อง เป็นสิ่งที่ควรกล้าที่จะเข้าใจ จะต้องเป็นผู้ที่กล้าที่จะเคารพ ดำรง รักษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งยากแสนยากจะมี ยากแสนยากที่จะได้ฟัง เมื่อได้ฟังแล้ว ก็รู้ว่า คุณค่ามหาศาล
~ ถ้าไม่มีความเห็นชอบ อกุศลธรรมย่อมเกิดอยู่เรื่อยๆ มีความติด มีความยึดมั่น เหนียวแน่นในตัวตน ในสัตว์ ในบุคคล ในเรา ในเขา อย่างเต็มที่ทีเดียวตามความเห็นผิด ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แต่ถ้ามีความเห็นถูกเกิดขึ้น แล้วเจริญพอกพูนขึ้น อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดก็ย่อมไม่เกิด เพราะมีความเห็นถูกเกิดขึ้นแล้ว หรือแม้อกุศลธรรมที่เกิดแล้ว ย่อมเสื่อมไป
~ พระธรรมวินัยทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ จะไม่เว้นจากการที่เตือนให้พุทธบริษัทไม่ประมาทในการเจริญกุศล

~ บางครั้งบางขณะอกุศลธรรมก็เกิดขึ้น ท่านอาจจะไปเพลิดเพลินกับการเล่นหรือว่าไปดูมหรสพ แต่พื้นของใจคือ กุศลมูลยังมี เพราะฉะนั้น ท่านก็มีปัจจัยที่จะทำให้กุศลนั้นเจริญงอกงามต่อไป คือ ยังมีการฝักใฝ่ที่จะหันมาสู่การเจริญกุศล เป็นผู้ที่เจริญงอกงามต่อไป

~ กุศลเพิ่มขึ้นเป็นขั้นๆ ซึ่งก็จะต้องเห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้นก็เป็นผู้ที่รังเกียจกลัวบาปอย่างแท้จริง
~ ใครจะไปอ้อนวอนกราบไหว้ เปลี่ยนกรรมชนิดหนึ่งว่าอย่าให้ผลอย่างนั้นหรือว่าให้ผลเร็วกว่านั้นหรือให้ผลช้ากว่านั้น ก็ไม่มีใครที่สามารถจะทำอย่างนั้นได้

~ ที่ว่าเป็นพาลนั้นก็เพราะเหตุว่า เป็นผู้ที่สะสมความตระหนี่ สะสมอกุศลธรรม สะสมความติดใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ในวัตถุ ในโภคทรัพย์ ถ้าในปัจจุบันชาติท่านสะสมอกุศลธรรม สะสมความตระหนี่ไว้มาก ชาติหน้าจะตระหนี่น้อยลงได้ไหม? เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น การสละ การละก็ยากขึ้นด้วย
~ คงจะมีท่านที่มีญาติมิตรสหายที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้มาก แล้วก็สิ้นชีวิตลงโดยไม่ได้ใช้ทรัพย์สมบัตินั้น เมื่อไม่ได้ให้ทรัพย์สมบัติ เมื่อไม่ได้ให้ทานในโลกนี้ ในโลกหน้าก็เอาทรัพย์สมบัติไปไม่ได้ แต่ถ้าท่านเป็นผู้ที่ขัดเกลาจิตใจ ละความตระหนี่ ท่านก็จะได้สะสมบุญ คือ การขัดเกลาจิตใจที่เบาบางจากอกุศลธรรมให้น้อยลง ติดตามไปในโลกหน้าได้
~ เราจากโลกก่อนนมา โดยไม่รู้เลยว่าเราจะมาเป็นอย่างนี้ในโลกนี้ ฉันใด ถึงเวลาที่จะจากโลกนี้ไป ก็ธรรมดา เพราะฉะนั้น ก็สะสมความดี สะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ความดีก็แสนยากที่จะมากขึ้นเจริญขึ้นได้

~ เข้าใจ คือ ปัญญา รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เพราะฉะนั้น เมื่อรู้แล้ว ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ทำในสิ่งที่ผิด ปัญญา เป็นสภาพที่เข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อเข้าใจว่าอะไรดี ก็นำไปสู่ทางที่ดี เมื่อรู้ว่าอะไรไม่ดี ก็ไม่ไปสู่ทางที่ไม่ดี

~ เมื่อมีความเข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็เป็นการเคารพอย่างยิ่ง บูชาพระองค์ยิ่งกว่าดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะใดๆ ด้วยการฟังคำที่ควรฟัง แล้วก็มีความเข้าใจ เพราะฉะนั้น ขณะใดก็ตาม ที่ฟังธรรมแล้วเข้าใจ นั่นคือการบูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกเวลา

~ เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม ไม่ได้บังคับให้อะไรเกิดได้ แต่ความเข้าใจยิ่งขึ้นก็จะค่อยๆ ทำให้อกุศลเบาบางลง เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย จะโกรธใคร มีประโยชน์กับใคร แม้แต่ตัวเอง มีประโยชน์หรือเปล่า? จิตเศร้าหมอง เพราะฉะนั้น ปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง ก็จะมีเมตตาแทน
~ เสียเวลาจริงๆ เสียประโยชน์ของตนเองจริงๆ ในขณะที่โกรธคนอื่น ตนเองเท่านั้นที่เดือดร้อนเพราะความโกรธของตนเอง

~ การฟังธรรมด้วยความไม่ประมาท ก็จะทำให้เป็นผู้อยู่ในหนทางที่จะทำให้รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง ไม่ออกไปนอกทางที่จะไปทำอย่างอื่นที่คิดว่าหนทางนั้นจะทำให้รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ

~ มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ก็ฟัง ด้วยความเคารพเพื่อจะรู้ว่าหนทางนี้เป็นหนทางเดียวเพื่อละความไม่รู้ซึ่งจะทำให้ละกิเลสทั้งหลาย จนกระทั่งสามารถที่จะดับหมด ไม่เกิดอีกเลย
~ การศึกษาธรรมต้องเป็นเรื่องละเอียดจริงๆ ไม่ใช่เพื่อเหตุอื่น แต่เพื่อที่จะให้พิจารณาจนกว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งถูกต้องตามความเป็นจริง ถ้ามิฉะนั้นแล้ว การศึกษาธรรมจะไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ศึกษาเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้

~ ถ้าได้ศึกษาเรื่องของสภาพธรรมโดยละเอียดขึ้น เท่าที่สามารถจะเข้าใจได้ ก็จะทำให้เห็นความเป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน) ยิ่งขึ้น
~ การฟังพระธรรม เป็นการฟังในสิ่งที่ประเสริฐที่คนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้ฟัง น้อยคนจริงๆ ที่จะได้ฟังซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่กระทำบุญมาแล้วตั้งแต่ชาติปางก่อนสะสมศรัทธา เห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว จึงจะได้ฟัง

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงแสดงธรรมให้คนอื่นเป็นคนชั่ว หรือ เป็นคนเลว แต่เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังเองที่ต้องเป็นผู้ที่มั่นคง หนักแน่นในการที่จะเป็นคนดี แต่ว่าจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นด้วย
~ ถ้าเป็นหนทางที่ผิด ก็จงอย่าได้ปฏิบัติเลย เพราะเหตุว่าไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรนอกจากจะมีความยึดถือในข้อปฏิบัติที่ผิดนั้น ยิ่งขึ้น

~ ชาวพุทธควรจะได้ระลึกถึงหน้าที่ของตนในฐานะของชาวพุทธ ว่า ต้องศึกษาพระธรรม เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเห็นว่า เป็นคำสอนที่ประเสริฐยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ที่ควรจะศึกษาให้เข้าใจถูกอย่างต้องแล้วประพฤติปฏิบัติตามด้วย
~ ถ้าได้ฟังคำจริงแล้ว ก็รู้ว่าคำนั้น เป็นคำที่ถูกต้อง สมควรไหมที่จะเข้าใจขึ้นๆ ให้ตรงตามความเป็นจริง
~ ชีวิตข้างหน้าอีกยาวไกล ชาตินี้สั้นมาก เพราะฉะนั้น ชาติหน้าจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาจากสิ่งที่กำลังเป็นไปในขณะนี้ในชาตินี้
~ อาศัยแสงสว่างคือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ที่จะพิจารณาให้เข้าใจตามความเป็นจริงโดยไม่ประมาทเลย ถึงจะเป็นที่พึ่งจริงๆ มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะมีอะไรเป็นที่พึ่งให้พ้นจากความมืดได้
~ ลองคิดถึงความจริง กำลังฟังธรรม ท่ามกลางอกุศล และความเข้าใจ ก็คือความเข้าใจท่ามกลางอกุศล จนกว่าความเข้าใจจะมีกำลังเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น
~ การเป็นมิตรสหายที่หวังดีก็คืออาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ช่วยกันเตือน
~ ชีวิตสั้นมาก ชาตินี้สะสมอะไรไว้? ถ้าเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ก็จะมีโอกาสได้ยินได้ฟังต่อไป พิจารณาต่อไป เห็นถูกต่อไป แต่ถ้าเข้าใจผิด ก็ไปทางผิดตลอดไปในสังสารวัฏฏ์แม้ได้ยินได้ฟังคำที่ถูกต้อง ก็เห็นผิดได้.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๑

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย mammam929  วันที่ 7 ต.ค. 2561

กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกขณะที่เข้าใจพระธรรมที่มีคุณค่ายิ่งกว่าสิ่งใด สาธุ


ความคิดเห็น 2    โดย j.jim  วันที่ 8 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย jaturong  วันที่ 8 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย panasda  วันที่ 8 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย kullawat  วันที่ 9 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย kukeart  วันที่ 12 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย มกร  วันที่ 18 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ