ผู้ที่อบรมเจริญสมถภาวนามีปฐวีกสิณเป็นอารมณ์ เพราะเขารู้ความจริงว่าทั้งหมดไม่ได้มีอะไรเลย อยู่ในโลกของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็คือ อยู่ในโลกของธาตุดิน ถ้าไม่มีธาตุดินแม้สิ่งที่ปรากฏทางตา หรือเสียง หรือกลิ่น หรือรสก็มีไม่ได้ เพราะฉะนั้น ท่านเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีอะไรนอกจากดิน จิตของท่านก็ใฝ่ใจเฉพาะการที่ไม่สนใจในสีสันวรรณะ ในรูปร่าง ในอะไรเลย แต่น้อมระถึงสิ่งที่เป็นธาตุดิน แต่วิธีการก็คือว่า สมมติที่จะทำเป็นกสิณวงกลม ตามที่มีข้อความปรากฏละเอียดในวิสุทธิมรรค เพื่อให้จิตไม่ไปคิดถึงสีสันวรรณะ แต่ให้รู้ความจริงว่า สมบัติทั้งหมด รูปร่างกายทั้งหมด สิ่งที่มีทั้งหมด ที่เป็นรูปธรรมไม่พ้นจากธาตุดิน
การฟังธรรมก็จะมีนัยหลากหลายที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจความจริงของสภาพธรรม ซึ่งปกปิดไว้เนิ่นนานมาก ไม่สามารถจะรู้ได้เลย ถ้าไม่มีการฟัง แล้วก็ไตร่ตรองคล้อยไปจริงๆ ว่าแท้ที่จริงแล้ว ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน แม้แต่สิ่งที่ปรากฏก็เกิดขึ้นแล้วดับไป แต่ผู้ที่อบรมเจริญความสงบ ยังไม่สามารถจะรู้อย่างนี้ได้ เมื่อไม่ได้ฟังพระธรรม ยังไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปัญญาของแต่ละท่านที่สะสมมาก็ไปแต่ละทาง เช่น ท่านที่ติดข้องในสีสันวรรณะ ท่านก็รู้ว่าแท้ที่จริงก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เป็นสีสันต่างๆ เพราะฉะนั้นท่านก็มีการที่จะน้อมนึกถึงในสีขาวบ้าง ในสีเหลืองบ้าง หรือว่าในสีเขียวบ้าง ก็แล้วแต่ นี่ก็คือว่าแล้วแต่จะสะสมมาที่เห็นโทษของโลภะ ของโทสะ ของความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ ในรูปธรรมในนามธรรม ซึ่งเป็นอุปาทานขันธ์ยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น เหนียวแน่นจนกระทั่งว่า แล้วจะละได้อย่างไร ยังละไม่ได้ แล้วจะคลายได้อย่างไร ยังไม่ต้องคิดเรื่องละ หรือดับเป็นสมุจเฉท แม้แต่เพียงจะค่อยๆ คลายได้อย่างไร จากการฟังพอสมควร คลายการติดข้องในอะไรบ้างหรือยัง
ที่มา และ รับฟังเพิ่มเติม ...
พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 908