ประมาทหรือไม่ ที่คิดว่าเข้าใจแล้ว
โดย บ้านธัมมะ  28 ก.พ. 2567
หัวข้อหมายเลข 47546

อ.กุลวิไล ผู้ถามก็ยังคิดว่า ความคิดชอบที่เป็นสัมมาสังกัปปะ จริงๆ แล้วอยู่ในมรรคมีองค์ ๘ ต้องคิดเรื่องของการละตัวตน หรือคิดถึงแต่เรื่องไตรลักษณ์ ดูเหมือนจะเป็นแต่เรื่องราวทั้งนั้นเลย

ท่านอาจารย์ อยากละ หรือถามว่า จะคิดอย่างไรถึงจะละ แล้วเข้าใจอะไร หรือไม่ เข้าใจคือปัญญา ไม่มีปัญญาแล้วจะไปทำอะไร ก็ต้องเป็นความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นเรา หรือเป็นตัวตน

แม้แต่คำว่า “ธรรม” และคำว่า “อนัตตา” ประมาท หรือไม่ ที่คิดว่า เข้าใจแล้ว หรือว่ารู้แล้ว เพราะเหตุว่าแค่ได้ยิน แต่ว่าขณะที่กำลังเห็น ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพเห็น และสิ่งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้นก็เพียงแต่คิดว่า เข้าใจธรรม แต่ตามความเป็นจริงความเข้าใจธรรมมีหลายระดับ ระดับเข้าใจเรื่องราว กำลังฟัง เข้าใจแน่นอน ทุกคนมีจิต และมีเจตสิก เป็นสภาพที่รู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดในขณะนี้ เช่น เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง แค่นี้ก็เข้าใจ แต่ขณะนี้รู้จักจิตจริงๆ หรือไม่ หรือรู้จักแม้รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ที่กำลังปรากฏจริงๆ หรือไม่

วันนี้สภาพธรรม ตัวจริงๆ เกิดดับนับไม่ถ้วน แม้แต่สักครู่นี้กับขณะนี้ แต่ก็เพียงได้ยินชื่อเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้ตัวจริงๆ ของสภาพธรรมเลย จนกว่าการฟังเป็นความเข้าใจที่มั่นคงว่า ฟังเพื่ออะไร ฟังเพื่อเข้าใจลักษณะของธรรมที่กำลังปรากฏ แค่นี้ลืมไม่ได้เลย มิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นผู้ที่สะสมเพียงคำมากมาย แต่ก็จำไว้ทั้งคำแปล ทั้งคำ แต่ก็ไม่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม

เมื่อครู่นี้ก็พูดย้ำแล้วย้ำอีกถึงเห็น แล้วก็มีเห็น มีใครรู้เห็นบ้าง แต่ได้ยินคำนี้ เห็น เดี๋ยวก็พูดเรื่องเห็นอีก มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ก็เพียงเรื่องสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา แม้ในขณะนี้มีใครรู้ “เห็น” สภาพเห็นซึ่งเป็นอนัตตา ทั้งๆ ที่เข้าใจ อนัตตาคือไม่ใช่เรา ฟังว่าเป็นธรรมซึ่งไม่ใช่เรา ไม่มีใครไม่เข้าใจเลย แต่เห็น กำลังเห็น ในขณะที่ฟังนี้แหละ มีใครรู้ "เห็น" หรือรู้ความจริงของเห็น หรือรู้จักเห็นบ้าง

การฟังทำให้ตรงต่อความจริง แล้วจะได้เป็นผู้ที่ไม่ประมาท เพราะว่าอาจจะเข้าใจว่า รู้ธรรมมาก แต่ตามความเป็นจริงจะเห็นได้เลยว่า ความห่างไกลของปัญญาที่สามารถเห็นถูกในความเป็นจริงของสภาพธรรมในขณะที่ธรรมนั้นปรากฏ ไม่ใช่เพียงฟังเรื่องราวของสภาพธรรม จะเห็นได้ว่า แล้วทำไมไม่รู้สักที

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 433