โปรดแสดงเรื่องพยาบาท
โดย จำแนกไว้ดีจ๊ะ  19 เม.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 11993

ธรรมซึ่งเป็นเหตุเกิดขึ้นแห่งพยาบาทที่ยังไม่เกิดก็ดี เป็นเหตุเป็นไปเพื่อความยิ่งใหญ่ขึ้นแห่งพยาบาทที่เกิดแล้วก็ดี คือ ปฏิฆนิมิต (นิมิตกระทบใจ คืออารมณ์ชวนขัดเคือง)

เมื่อบุคคลทำในใจโดยไม่แยบคายซึ่งปฏิฆนิมิต พยาบาทที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้นด้วย

พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความยิ่งใหญ่ขึ้นด้วย.

เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคายซึ่งเมตตาเจโตวิมุตติอยู่ พยาบาทที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้นด้วย พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมหายไปด้วย

ขอถามว่า

๑. อะไรเป็นเหตุให้เกิดปฏิฆนิมิต (นิมิตกระทบใจ คืออารมณ์ชวนขัดเคือง) ?

๒. คนไทยควรทำอย่างไร ไม่ให้เกิดปฏิฆนิมิต องค์กรใดควรประชาสัมพันธ์?



ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 20 เม.ย. 2552

๑. ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่าปฏิฆนิมิตก่อนว่าหมายถึงอะไร คืออารมณ์ที่ไม่น่าพอใจรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ฯ ที่ไม่ดี หรือบางนัยหมายถึงตัวโทสะก็มี ดังนั้นเหตุเกิดย่อมต่างกันตามสมควรแก่รูปนั้นๆ เช่น รูป มีเหตุหรือสมุฏฐานหลายอย่าง เสียงมีสมุฏฐาน ๒ อย่าง ถ้าเป็นเสียงคนด่ามีสมุฏฐานจากอกุศลจิต ..

๒. ศึกษาพระธรรมแล้วประพฤติตามคำสอน โดยเฉพาะเมตตา ทุกองค์กรควรแนะนำให้เริ่มศึกษาอย่างจริงจังครับ


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 20 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เมื่อมีจิตเกิดขึ้นก็ย่อมมีสิ่งที่จิตรู้ เรียกว่าอารมณ์ อารมณ์หรือสิ่งที่จิตรู้ ก็มีทั้งอารมณ์ที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ มีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้นเพราะเป็นผลของกรรม การเห็นเป็นผลของกรรม (วิบาก) เมื่อเห็นเกิดขึ้นก็ย่อมมีสิ่งที่ถูกเห็น (อารมณ์) บางครั้งก็เห็นสิ่งที่ดีน่าพอใจ บางครั้งก็เห็นสิ่งที่ไม่ดีไม่น่าพอใจ เลือกไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีเพราะเป็นผลของกรรมที่จะให้ผล และเป็นอนัตตา การได้ยินก็เช่นกันครับ

ตราบใดที่ยังมีขันธ์ 5 และยังเต็มไปด้วยกิเลสก็ย่อมเห็นสิ่งที่ดีและไม่ดีเป็นธรรมดา ย่อมได้ยินสิ่งที่ดีและไม่ดีเป็นธรรมดา เป็นอกุศลจิตในสิ่งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ

การอบรมปัญญา ไม่ใช่การบังคับไม่ให้อกุศลจิตเกิดขึ้นในสิ่งที่กระทบในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นไปไม่ได้ ยังมีอกุศลมากนั่นเอง แต่การค่อยๆ รู้ความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรม และการศึกษาพระธรรม ย่อมจะเกื้อกูลและขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวันของตน เมื่อเป็นผู้รักษาประโยชน์ของตนเองคือการศึกษาขัดเกลากิเลสตนเองแล้ว ก็ย่อมรักษาผู้อื่นด้วย เพราะกุศลจิตย่อมรักษาทั้งตนเองและผู้อื่น ขออนุโมทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 3    โดย จำแนกไว้ดีจ๊ะ  วันที่ 21 เม.ย. 2552
สาธุ ขออนุโมทนาครับ

ดูแล้วไม้พ้นไปจาก รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ฯ และกรรมวิบากเลยนะครับท่าน

ความคิดเห็น 4    โดย พุทธรักษา  วันที่ 22 เม.ย. 2552

ข้อความบางตอน...จากกระทู้นี้.
.
.
ละพยาบาทด้วยธรรม (สติปัฏฐานสูตร)

.
.
.


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒หน้าที่ 224
.
อนึ่ง เมื่อ พยาบาท มี ณ ภายในจิต ย่อม รู้ชัด ว่า พยาบาท มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา.
.
หรือ เมื่อพยาบาทไม่มี ณ ภายในจิต ย่อม รู้ชัด ว่า พยาบาทไม่มี ณ ภายในจิตของเรา.
.
ความที่
พยาบาท อันยังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้น ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย.
.
ความละ พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว เสียได้
....ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย.
.
ความที่ พยาบาทอันตนละเสียแล้ว ไม่เกิดขึ้นต่อไปได้ ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย.


ความคิดเห็น 5    โดย พุทธรักษา  วันที่ 22 เม.ย. 2552

เพื่อประโยชน์...มิใช่เพราะความพยาบาท

.......เพราะฉะนั้น เมื่อเทียบกับ อกุศลจิตซึ่งเกิดจาก โทสมูลจิต ในขณะนั้น (ที่เป็นปัจจัยให้เกิดการตี)
ก็ต้องเปรียบเทียบว่า....."ผล"จะเป็น ข้อดี มากกว่า ข้อเสีย หรือเปล่า.? ถ้า ผลดี มากกว่า ผลเสียก็เป็นเรื่องซึ่งแต่ละท่าน ควรจะได้พิจารณาแล้วก็ กระทำไป ตามความเหมาะสม

ซึ่งไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด ไปบังคับได้.
แต่ถ้าเป็นอกุศลจริงๆ หมายความว่ากระทำไปด้วยความพยาบาท ด้วยความประทุษร้ายหรือต้องการให้ผู้อื่น เดือดร้อน.


ความคิดเห็น 6    โดย ajarnkruo  วันที่ 24 เม.ย. 2552

1. ถ้าปฏิฆานุสัย ยังไม่ได้ดับ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม โทสมูลจิตก็ย่อมจะเกิดได้

2. ควรเลิกคิดว่าจะ "ทำ" อย่างไร เพราะไม่มีตัวตนของใครจะทำอะไรกับธรรมะได้ ทุกอย่างเป็นธรรมะ โกรธก็เป็นธรรมะ โกรธไม่ใช่คนไทยโกรธ โกรธเป็นโกรธ คนไทยจะทำอะไรได้กับโกรธที่เกิดแล้ว - ดับไปแล้ว ........เมื่อคนไทยทำไม่ได้ คนชาติไหนก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ฉะนั้น ก็มีหนทางเดียว คือ ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ก็ควรอบรมเจริญปัญญารู้ความจริงในทุกๆ ขณะของชีวิตว่า เป็นธรรมะ ที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดจึงเกิด ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ปรากฏชั่วขณะแล้วก็ดับ แล้วก็มีธรรมะอื่นเกิดอีก ไม่ใช่เราครับ


ความคิดเห็น 7    โดย nida  วันที่ 26 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ