พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 344
ข้อความบางตอนจากอนังคณสูตร ความหมายของอังคณกิเลส [๕๖] ม. ท่านขอรับ คำที่ท่านกล่าวว่า อังคณะๆ ดังนี้ คำนั้นเป็นชื่อของอะไรหนอ ? สา. ท่านครับ คำว่า อังคณะนี้ เป็นชื่อของอิจฉาวจรที่เป็นบาปอกุศล.... ขยายความกิเลสดุจเนิน ๓ อย่าง ในที่ลางแห่ง กิเลสพระองค์ตรัสเรียกว่า อังคณะ (เป็นเหมือนเนิน) ในคำมีอาทิว่า สงฺคโณว สมาโน. ดังที่ตรัสไว้ว่า บรรดากิเลสเพียงดังเนินนั้น กิเลสเพียงดังเนินเป็นไฉน? คือ กิเลสเพียงดังเนินได้แก่ราคะ กิเลสเพียงดังเนิน ได้แก่โทสะ กิเลสเพียงดังเนิน ได้แก่โมหะกิเลสเพียงดังเนิน ในที่บางแห่งหมายถึงมลทินอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเปือกตม ดังที่ตรัสไว้ว่า พยายามเพื่อจะละมลทินหรือเปือกตมนั้นนั่นแหละ. แต่ในที่บางแห่งหมายถึงพื้นที่ชนิดนั้น (ที่เป็นเนิน) พื้นที่นั้นพึงทราบตามคำที่พูดกัน เช่น เนินโพธิ์ เนินเจดีย์ เป็นต้น. แต่ในพระสูตรนี้ ท่านพระสารีบุตรประสงค์เอากิเลสอย่างเผ็ดร้อนนานัปการว่า กิเลสเพียงดังเนิน.

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
การแสวงหารูปของทุกคนต้องมี แล้วแต่ว่าเราจะมีความติดในรูปนั้นมากน้อยแค่ไหน แม้แต่รถยนต์ ชอบรูปอะไร ไฟชนิดไหน สีอะไร ทุกอย่างหมดในชีวิต
เราเริ่มรู้จักตัวเราในวันหนึ่ง เริ่มเห็นกิเลสทางตา ติดข้องในรูป สีสันวัณณะต่างๆ ทางหู ติดข้องในเสียง ดนตรีนานาชนิด ดนตรีไทย ดนตรีชาติต่างๆ เพลงต่างๆ ยุคต่างๆ แต่เสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เกิดแล้วในอดีตก็ยังคงเป็นเสียง ที่ยังคงปรากฏขณะนี้ก็ยังเป็นเสียง และต่อไปก็จะมีเสียง ..รูปขันธ์เป็นสิ่งที่ติดข้อง และยากที่จะดับได้
ผู้ที่จะละความยินดีติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ต้องรู้แจ้งอริยสัจธรรมดับกิเลสถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เพราะเหตุว่ามีปุถุชนที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมเลย ยังเต็มไปด้วยความรู้ลักษณะของสภาพธรรม และสำหรับผู้รู้แจ้งอริยสัจธรรมขั้นต้นเป็นพระโสดาบัน สามารถดับความเห็นผิดทั้งหมด ไม่เกิดอีกเลย จะเกิดได้เพียง ๗ ชาติ แต่ยังติดในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ...
วัตถุกาม - กิเลสกาม - กับการรู้จักตนเอง
น้อมกราบเท้าท่านอาจารย์ผู้แสดงความจริงที่มีจริงในชีวิตประจำวัน และรู้ว่าหนทางที่จะพ้นเนินของกิเลสอีกแสนไกล ต้องเป็นไปตามลำดับจริงๆ
ขอบพระคุณยินดีในกุศลธรรมทานคุณวันชัยด้วยค่ะ
ยินดีในกุศลจิตครับ