ใครทำเครื่องรางของขลัง? วัดเป็นสถานที่แต่งงานได้หรือ?
โดย khampan.a  20 พ.ย. 2563
หัวข้อหมายเลข 33330

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น




ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาพิเศษ เรื่อง

"ความไม่เข้าใจธรรม กับ วิกฤตโลก"

ที่บ้านคุณทักษพล - คุณจริยา เจียมวิจิตร

วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓




[ทีมงานอาสาสมัครบันทึกวีดีโอการสนทนาพิเศษในครั้งนี้]

~ วิกฤต ก็คือ ขณะใดที่มีความรู้สึกไม่สบายใจ เป็นทุกข์ เดือดร้อน ขณะนั้นวิกฤต มากหรือน้อย ถ้าทั่วโลกเป็นอย่างนี้ เราจึงใช้คำว่าวิกฤต ถ้าสุขสบายดีทั้งโลก ไฟก็ไม่ไหม้ ทุกสิ่งก็ไม่มีอะไรที่จะขุ่นเคืองใจ ไม่มีอะไรที่จะทำให้รู้สึกว่าเป็นวิกฤต แต่ความขุ่นเคืองใจมีประจำวัน ไม่วิกฤต จนกว่าจะมากแล้วก็ทั่วไปหมดจนกระทั่งที่ไหนๆ ก็ขุ่นใจกันทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งโลก นั่นแหละ คือ วิกฤต
~ ตรงไหนที่เกิดความวุ่นวาย เกิดความไม่สงบ รู้ได้เลย ตรงนั้นเราก็บอกว่าวิกฤต เพราะไม่พอใจ จึงมีการกระทำหรือการแสดงที่ทำให้รู้ว่าไม่พอใจในเหตุการณ์นั้น
~ โลกจะวิกฤตสักแค่ไหน ถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจถูกต้อง
~ บุคคลผู้ที่มีคุณความดี แล้วมีคนไปทำลายความดีของผู้นั้นด้วยการกระทำและคำพูด นั่นคือ ความหมายของคำว่า ลบหลู่
~ สิ่งที่ไม่ถูก ไม่ดี ก็ต้องพูดว่าไม่ถูก ไม่ดี การพูดว่าสิ่งนั้นไม่ดีเมื่อสิ่งนั้นไม่ดี จะเป็นการลบหลู่อะไร?
~ ถ้าสิ่งนั้นไม่ดี เราไม่ได้ไปลบหลู่ เพราะสิ่งนั้นไม่ดี จะไปบอกว่าดีได้อย่างไร ใครให้พูดว่าดี เราก็พูดไม่ได้ เพราะมันไม่ดี
~ ลองคิดดูก็แล้วกัน ใครทำเครื่องรางของขลังได้? เขาเป็นใครที่ทำได้? ทำอย่างไร? ไม้ แท้ๆ ตะกรุด สังกะสีหรืออะไรก็ไม่รู้ที่ทำกัน สามารถจะดลบันดาลได้อย่างนั้นหรือ? ถ้าสามารถดลบันดาลได้ ก็ไม่ให้ใครมีความทุกข์เลยในโลก แล้วเชื่อได้อย่างไรว่าเขาทำได้? เขาเป็นใคร?
~ ถ้าจะเข้าใจธรรม ต้องไม่ละเลยคำแรกที่จะนำไปถึงที่สุดทั้งหมด คือ ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
~ ถ้าเราจะกล่าวว่า ที่ใดเป็นที่แต่งงาน ที่นั่นไม่ใช่วัด ผิดไหม? เพราะว่า วัดเป็นที่อยู่ของใคร? แล้วใครอยู่ แล้วจะไปทำอะไรในวัด?
~ เป็นภิกษุโดยไม่รู้ธรรม ได้ไหม?
~ ที่ใดเป็นที่แต่งงาน ที่นั่น ก็ไม่ใช่วัดด้วย
~ ถ้าพระที่เข้าใจพระธรรม จะบอกว่า แต่งงานในวัดไม่ได้
~ ทุกอย่างที่ไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย ผิดหมด
~ วัด ไม่ใช่บ้าน เป็นที่อยู่ของใคร? คนที่อยู่ในนั้นทำอะไร? เพื่ออะไร? จะสงบไหมถ้าไปมีการแต่งงานที่วัด แล้วไปทำได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้ารู้อย่างนี้ ก็ประกาศให้รู้ทั่วกันว่าไม่ถูกต้อง ไม่ใช่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่วัด ที่ไหนเป็นที่แต่งงาน ที่นั่นไม่ใช่วัด เพราะฉะนั้น จะไปแต่งงานที่นั่นไหม ในเมื่อวัดเป็นที่อยู่ของพระภิกษุผู้สละชีวิตของคฤหัสถ์เพื่อที่จะศึกษาและทำประโยชน์แก่ชาวโลกที่ชาวอื่นทำไม่ได้เพราะเขาไม่ได้ศึกษาไม่รู้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่อุทิศตนศึกษาแล้วเข้าใจแล้วก็อนุเคราะห์ให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย ดำรงรักษาความถูกต้องไว้ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะยังไปแต่งงานที่วัดไหม?
~ ในเมืองไทย ถ้าไม่มีการซื้อขายของศักดิ์สิทธิ์หรือว่าเลขยันต์ จะไปเสียเงินทำลายประเทศไหม? หายไปตั้งเท่าไหร่ ที่ควรจะไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ และ สำนักปฏิบัติ ถ้าไม่มี ก็จะมีการใช้เงินในทางที่ถูกต้อง บุญจริงๆ กุศลจริงๆ ก็เป็นผลมาจากความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย
~ ถ้าเข้าใจพระธรรมผิด ก็ไม่มีประโยชน์ และถ้าไม่ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพจริงๆ จะเข้าใจถูกไม่ได้เลย เป็นการประมาทพระธรรมว่าง่าย
~ ปัญหา ก็มีมากมาย ทุกคนก็มองเห็นอยู่ แต่ว่าจะมีหนทางแก้ไหม? ควรจะแก้ไหม? หรือว่า ควรจะปล่อยปละละเลยต่อไป? ส่วนใหญ่ให้คนอื่นแก้ปัญหา ใช่ไหม? เหมือนกับไม่ใช่หน้าที่ของเขา เป็นหน้าที่ของพระ เป็นหน้าที่ของคนนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่หารู้ไม่ว่า พุทธบริษัท ไม่ได้มีเฉพาะพระภิกษุ แต่มีทั้งอุบาสกอุบาสิกาด้วย แล้วจะละเลยไม่ทำหน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาอย่างนั้นหรือ? พระภิกษุไม่ศึกษา เราคงไปทำอะไรไม่ได้ แต่เรามีโอกาสที่เราสามารถที่จะทำหน้าที่ของเราได้ ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วไม่เกี่ยงเลย ถ้าเขาไม่ทำแล้วเราไม่ทำอย่างเขา ก็เหมือนกัน ใช่ไหม? ใครๆ ก็ไม่ทำ ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ความจริงแล้วเขาไม่ทำ แต่เราทำ เป็นประโยชน์กว่าไหม? เพราะเหตุว่า เป็นหนทางเดียวจริงๆ ที่จะดำรงรักษาความถูกต้อง เราไม่ใช่เป็นคนที่นับถือพุทธแต่ปากแต่ไม่เข้าใจอะไรเลยใครถามก็ไม่รู้เรื่องแล้วก็ยังทำสิ่งที่ผิดๆ อย่างนั้นไม่ใช่ชาวพุทธ ต้องคำนึงถึงแม้แต่คำว่าพุทธะคืออะไร? ต้องเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่คนไม่มีหัวคิดเลยไม่คิดอะไรเลย เขาว่าก็เป็นเขาว่า เขาบอกก็เป็นเขาบอก แต่ฟังแล้ว ควรคิดว่าถูกหรือผิด? ตะกรุด เครื่องรางของขลัง ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ใครทำ? ทำได้หรือ? ถ้าทำได้ บอกหน่อยว่าทำอย่างไร คือ ไม่ยอมที่จะตามโดยที่ว่าไม่มีเหตุผล เพราะเหตุว่า ความถูกต้อง มี ถ้าสามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น ความจริงคือสิ่งนั้น (เครื่องรางของขลัง) ไม่ได้มีประโยชน์ ไม่ได้มีค่าอะไรเลย แล้วไปหลงเชื่อได้อย่างไร แต่สิ่งที่ควรฟังควรเชื่อควรพิจารณาที่จะกล่าวว่าเราเป็นชาวพุทธนับถือพระพุทธศาสนา จริงหรือเปล่า? ถ้าจริง นับถืออะไร ต้องนับถือพระธรรม ถ้าชาวพุทธไม่รู้พระธรรมเลยแล้วเป็นชาวพุทธได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ต้องตรงมาก ใช่ไหม? ใครไม่ทำ เรื่องของเขา แต่เราจะเป็นอย่างนั้นหรือ? ไปเกี่ยงว่าให้คนนั้นทำให้คนนี้ทำ ให้รัฐบาลทำ ให้กระทรวงศึกษาฯ ทำ ให้มหาเถรสมาคม ทำ ให้สำนักพุทธฯ ทำ ก็เขาไม่ทำ ไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้น ควรที่พุทธบริษัทต้องพร้อมเพรียงกันตามพุทธประสงค์ไม่มอบพระธรรมไว้กับใครเลยทั้งสิ้น แต่ต้อง (เป็นกิจหน้าที่ของ) พุทธบริษัท พุทธบริษัทที่ไม่ศึกษาเล่าเรียน ไม่ใช่พุทธบริษัท เพราะไม่รู้ ไม่รู้แล้วจะเป็นพุทธะได้อย่างไร ต้องเป็นคนที่ตรง เพราะฉะนั้น เมื่อมีโอกาสที่จะได้ฟังได้ไตร่ตรองได้พิจารณา ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปให้คนอื่นทำทั้งสิ้น แต่เราเอง ต้องทำ นี่คือ หนทางแก้ ถ้าใครไม่ทำ เราก็บอกเขาถึงประโยชน์ถึงความสำคัญ ว่า การที่จะดำรงรักษาพระศาสนาคือต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลยแล้วก็เชื่อตามๆ กัน จะทำไหมล่ะ หมายความว่า ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นเขาจะทำหรือไม่ทำ แต่ผู้ที่เห็นประโยชน์จึงทำ เพื่อดำรงรักษาพระธรรมวินัย
~ ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมแล้วจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร ไม่มีทางเลย ใช่ไหม? เมื่อได้เข้าใจแล้ว มีหน้าที่ที่จะแทนคุณไหม ที่จะต้องดำรงพระศาสนาไว้ เพราะพระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อคนจะได้เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าคำของพระองค์ยังอยู่ ก็จะเป็นประโยชน์ แทนที่จะไม่มีใครรู้แล้วก็ย่ำยีทำลายทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ถ้าเรากล่าวถึงธรรม ถูกหรือผิด? ควรหรือไม่ควร?
~ สิ่งใด ไม่เป็นประโยชน์ ก็รีบทิ้งเสีย แล้วก็ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
~ ต้องกล้าคิด กล้าไตร่ตรอง กล้ารู้ว่าผิดหรือถูก แล้วกล้าทิ้งสิ่งที่ผิด
~ บวชทำไม? บวชเพื่ออะไร? ไม่ใช่บวชเพื่อที่จะให้วัดมีรายได้ ทำอะไรผิดก็ได้ แต่เอาเงินเข้าวัด อย่างนั้นไม่ถูกต้อง
~ เมื่อพระ ไม่ศึกษาพระธรรม ใครจะให้ท่านศึกษา มีใครจะบังคับได้ไหม ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับใครได้ เพราะฉะนั้น ถ้าท่านไม่ศึกษา ใครจะทำอะไรได้ ไม่มีทางเลย แต่ว่าพุทธบริษัทที่เห็นประโยชน์ของการที่จะเข้าใจพระธรรม ยังมี ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้ศึกษาแล้วก็สามารถที่จะกล่าวถึงธรรมให้ท่านได้ฟัง ว่า คำที่เขา (คฤหัสถ์) กล่าว คฤหัสถ์แท้ๆ แต่เขาศึกษาธรรมมา ถูกไหม ถ้าไม่ถูกก็ออกมาอธิบายได้ว่าผิดตรงไหน นี่คือ ทางที่พุทธบริษัทจะรักษาพระศาสนาไว้ได้ ด้วยความพร้อมเพรียงกัน ไม่ใช่ตามใจฉันหรือฉันคิดว่าอย่างนี้ก็ใช่ แต่ต้องตามพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น เมื่อมีผู้ที่ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ แล้วคนอื่นคิดอย่างไร เป็นคฤหัสถ์แล้วก็มาศึกษาธรรม แต่พระก็ไม่ได้ศึกษาธรรม บางคนก็ติฉินนินทาคฤหัสถ์หาว่ากล่าวโทษบ้าง สั่งสอนบ้าง อะไรต่างๆ แต่ทำไมไม่คิดถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้หรือเปล่าว่าพระองค์ไม่ได้ฝากพระศาสนาไว้กับใครทั้งสิ้น นอกจากพุทธบริษัท พุทธบริษัทคือผู้ที่รู้จักคำสอนของพระองค์ ถ้าไม่รู้จักคำสอนของพระองค์จะเป็นพุทธบริษัทได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ใครจะศึกษาธรรมหรือไม่ศึกษาธรรม ไม่มีใครสามารถจะไปเปลี่ยนเขาได้ แต่สามารถที่จะกล่าวถึงคำจริงที่ได้ศึกษาด้วยตนเองให้คนอื่นได้รับฟังและพิจารณาว่าคำเหล่านั้นไม่ใช่เป็นคำที่คิดขึ้นมาเอง แต่ทุกคำเป็นคำที่มีจริงๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ใคร ไม่เห็นสมควรที่จะให้มีผู้ที่ดำรงไว้บ้าง? หรือว่า ไม่ใช่เพศบรรพชิตไม่ควรจะต้องมาดำรงพระศาสนา ไม่ใช่เรื่องของคฤหัสถ์? นั่นไม่ถูกต้อง ไม่เข้าใจแม้แต่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงมอบหมายให้ใครเป็นศาสดาแทนพระองค์ แล้วถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้อย่างไร
~ ต้องมีผู้ที่เข้าใจถูก ถึงจะสามารถดำรงพระศาสนาได้ แล้วต้องเป็นผู้ที่ศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
~ ปฏิปัตติ (ปฏิบัติ) ไม่ใช่ทำ แต่ปฏิปัตติ ใครปฏิบัติ ในเมื่อธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ปัญญาต่างหากที่ได้มีความเข้าใจถูก จึงสามารถทำกิจนี้ได้ ปฏิบัติอะไร? ปฏิบัติเพื่อที่จะรู้ความจริงว่าทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถประจักษ์แจ้งได้
~ ต้องพิจารณา ใครจะว่าอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเป็นพุทธบริษัทหรือเปล่า ถ้าเป็น ก็ศึกษาธรรม ไม่ใช่เป็นพุทธบริษัทโดยไม่ศึกษาธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นพุทธบริษัทจริงๆ จะไม่หวั่นไหวเลย ไม่ว่าใครจะว่าอะไร เพราะความถูกต้อง ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนเป็นความเห็นผิดได้ เพราะฉะนั้น จะกังวลอะไร จะเดือดร้อนอะไรกับคำของคนอื่น
~ พระรัตนตรัย คือ อะไร ดูเหมือนตอบได้ รัตนะ ๓ คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ สังฆรัตนะ ไม่ใช่เป็นภิกษุ (ที่ถึงความเป็นพระอริยบุคคล) เท่านั้น ต้องเป็นปัญญาที่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม จึงเป็นรัตนะ ถ้าไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม รัตนะอยู่ไหน ก็ไม่รู้ จะเอาความไม่รู้มาเป็นรัตนะหรือ? และสำหรับสังฆรัตนะ คือ หมู่ของผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ไม่ได้บอกเลยว่าต้องเป็นบรรพชิต แต่เป็นสังฆรัตนะ ประเสริฐด้วยปัญญาที่สามารถที่จะรู้ความจริงดับกิเลสได้ นั่นเป็นรัตนะ
~ บวชแล้วไม่รู้จักพระธรรม แล้วไปทำสิ่งที่ไม่ตรงตามพระวินัย ทำลายพระพุทธศาสนาหรือว่าบำรุงพระพุทธศาสนา?
~ ถ้ามีคนสามารถที่จะเข้าใจและเห็นประโยชน์ของพระธรรมแม้เพียงคนเดียว เป็นการอนุเคราะห์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนที่มีคนกล่าวคำของพระองค์ให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ก็เป็นประโยชน์ ไม่ใช่สำหรับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วได้ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกแล้วจนกระทั่งพระธรรมวินัยตั้งมั่นแล้ว แต่ว่าคนที่ยังอยู่ ไม่สมควรที่จะให้คนอื่นได้ยินได้ฟังบ้างหรือ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร ไม่ใช่คำของคนอื่นเลย
~ จะให้คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูญหายไปหรือ หรือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด ที่สมควรที่จะให้คนอื่นได้รู้ด้วย เพราะเป็นคำของพระองค์ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงระดับที่ทุกคำของพระองค์เป็นประโยชน์สำหรับทุกโอกาสทุกบุคคล คนนี้ ไม่เข้าใจ แต่คนอื่นที่ฟังเข้าใจ แล้วจะว่าอย่างไร ไม่ควรกล่าวหรือ? ใครจะรู้ว่าใครจะสามารถเข้าใจได้แค่ไหน และทุกคำ เป็นคำจริงที่พิสูจน์ได้ทุกกาลสมัย จึงเป็นคำของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้อริยสัจจธรรมถึงที่สุด ไม่มีอะไรจะเสียหายเลย (สำหรับการกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย petsin.90  วันที่ 20 พ.ย. 2563

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย sanit99141@gmail.com  วันที่ 21 พ.ย. 2563

กราบขอบพระคุณครับ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 21 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 21 พ.ย. 2563

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย talaykwang  วันที่ 21 พ.ย. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย lack  วันที่ 26 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย นิตยา  วันที่ 28 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ