ทบทวนเรื่องของปัจจัย [๕]
โดย พุทธรักษา  1 ธ.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 14392

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

วิบากจิตไม่สำคัญอะไรเลย ใช่มั้ยคะ เช่น ขณะกำลังนอนหลับสนิท ภวังคจิตของบางท่านประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก อโมหเจตสิก (ปัญญาเจตสิก) เพราะเหตุว่า เป็นผลของกุศล ซึ่งประกอบด้วยปัญญา ซึ่งทำให้พื้นจิต เป็นจิตซึ่งมีปัญญาเกิดร่วมด้วย พร้อมที่จะเจริญเติบโตได้ พร้อมที่จะเจริญขึ้นในภายหลังได้ สำหรับผู้ที่ภวังคจิต มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่ในขณะที่นอนหลับสนิท แม้ภวังคจิตของบุคคลนั้น จะมีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย บุคคลนั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ในขณะที่เป็นภวังคจิตเพราะฉะนั้น แม้ปัญญาจะเกิดกับภวังคจิต ก็ไม่เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย นี้เป็นเหตุที่วิบากจิตทั้งหมดที่เป็นโลกิยวิบาก ไม่สำคัญอะไรเลยไม่สามารถที่จะเป็นอธิปติปัจจัยได้
แต่ชีวิตในวันหนึ่งๆ ขณะไหนสำคัญ ขณะที่เป็นชวนจิต สำคัญที่เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล.! เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงว่า สำหรับขณะเป็น "ชวนจิต" นั้นขณะใด ที่ฉันทะ เป็นอธิปดี หรือว่า วิริยะ เป็นอธิปดี หรือว่า ปัญญา เป็นอธิปดี หรือว่า จิต เป็นอธิปดี เพื่อจะให้เห็นว่า แม้ในขณะที่กำลังเป็นโลภะ หรือขณะที่กำลังเป็นกุศลซึ่งสภาพธรรมหนึ่ง สภาพธรรมใดกำลังปรากฏ "ลักษณะที่เป็นหัวหน้า" คือ เป็นอธิปดี ขณะนั้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนทั้งสิ้น เพียงแต่เป็น "สภาพธรรมที่มีลักษณะเช่นนั้นๆ " เพราะอาศัยสภาพธรรมใดสภาพธรรมหนึ่ง (ดังกล่าว) เป็นอธิปดี เพื่อที่จะได้เห็นถึง "ความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม"ในขณะที่กำลังเป็น "กุศล" หรือในขณะที่เป็น "อกุศล"

ข้อความบางตอนจากเทปชุดปัฏฐาน (ปัจจัย ๒๔) ตอนที่ ๕

โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนา



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 1 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 4 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย ที่พึ่งที่ระลึก  วันที่ 4 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ