ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ละไม่ได้
โดย เมตตา  4 ต.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51081

[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 299

ตํ วินา นาญฺญโต ทุกฺขํ น โหติ น จ ตํ ตโต ทุกฺขเหตุนิยาเมน อิติ สจฺจํ วิสตฺติกา เว้นจากตัณหานั้นแล้วทุกข์ย่อมไม่มี แต่เหตุอื่น และทุกข์นั้นย่อมไม่มีจากตัณหา นั้นก็หาไม่ เพราะฉะนั้น ตัณหาตัวซัดซ่าย ไปในอารมณ์ต่างๆ นั้น บัณฑิตจึงรู้ว่า เป็นสัจจะ โดยกำหนดอรรถว่าเป็นเหตุแห่งทุกข์.

สมุทัย มีอรรถว่าประมวลมา มีอรรถว่าเป็นเหตุมอบให้ซึ่งผล มีอรรถว่าประกอบไว้ มีอรรถว่าเป็นเครื่องกังวล


[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 422

คำว่า มีวนรอบ ๓ คือวน ๓ รอบ ด้วยอำนาจวนรอบ ๓ กล่าวคือ สัจญาณ กิจญาณ และกตญาณ. ก็ในวนรอบ ๓ นี้ ญาณตามความเป็นจริงในสัจจะ ๔ อย่างนี้ คือ นี้ทุกขอริยสัจจะ นี้ทุกขสมุทัย ชื่อว่าสัจญาณ ญาณที่เป็นเครื่องรู้กิจที่ควรทำอย่างนี้ว่า ควรกำหนดรู้ ควรละในสัจจะเหล่านั้นเทียวชื่อว่า กิจญาณ. ญาณเป็นเครื่องรู้ภาวะแห่งกิจนั้น ที่ทำแล้วอย่างนี้ว่า กำหนดรู้แล้ว ละได้แล้ว ดังนี้ ชื่อว่า กตญาณ.


ท่านอาจารย์: ไม่ใช่แค่ฟังแล้วเป็นทุกข์ แต่ละหนึ่งยังไม่ปรากฏว่า ก่อนเกิดไม่มี เกิดแล้วจึงมี แล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ เข้าใจอย่างนี้ ก็ต้องไม่เปลี่ยนแปลงความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้แหละ ความไม่รู้ไม่สามารถประจักษ์แจ้งความเกิดดับได้ จนกว่าความรู้ค่อยๆ มีจากการฟังเข้าใจ รู้ว่า ขณะนี้สภาพธรรมไม่ได้ปรากฏตามความเป็ นจริงเลย จะปรากฏตามความเป็นจริงได้อย่างไร ไม่ใช่ไม่มีธรรม แต่ทำกันใหญ่เลย ทำให้ปรากฏอย่างนั้นหรือ?!!

อ.วิชัย: ฟังเมื่อสักครู่นี้ ก็พิจารณาได้ว่า การที่จะศึกษา หรือเข้าใจธรรมะ ไม่ใช่เป็นการฟัง แล้วก็สามารถรู้ตามได้หมดทันที อย่างท่านอาจารย์ถามว่า รูปเกิดไหม? ก็เหมือนกับเป็นการไตร่ตรองว่า มีแข็ง ก็ต้องมีการเกิดของแข็ง แต่ถามว่า ดับไหม ก็ไม่ได้เป็นการรู้ในการดับของแข็ง แต่เป็นการเข้าใจจากการฟังว่า เมื่อสิ่งใดก็ตามเมื่อเกิดขึ้น ย่อมดับ อย่างนี้ครับ แต่ไม่ได้เป็นความเข้าใจตรงครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ จะสามารถมั่นคงได้ไหมว่า ทุกอย่างเวลานี้ ก่อนมีไม่มี พอมีแล้วดับไปเท่านั้น ไม่มีอ ะไรที่ยั่งยืนเลยสักอย่างเดียว

กว่าปัญญาจะค่อยๆ มั่นคงจนกระทั่งประจักษ์ความจริง แล้วละความไม่รู้ และความติดข้องตามลำดับจนกว่าจะหมดไม่เหลือเลย

อ.วิชัย: หมายถึงปัญญาที่จะค่อยๆ เกิด เหมือนกับทีละเล็กทีละน้อยมากเลยครับ จนกว่าจะค่อยๆ รู้ทีละนิดทีละหน่อย แม้ขั้นการฟังก็ยังยากที่จะเข้าใจได้

ท่านอาจารย์: จริงไหม?

อ.วิชัย: จริงครับ

ท่านอาจารย์: สัจจบารมี มีไหม? ถ้าไม่มีสามารถที่จะฟังต่อไปได้ไหม? ค่อยๆ เข้าใจทีละเล็กทีละน้อยต่อไปได้ไหม ถ้าไม่มีสัจจบารมี?

อ.วิชัย : ถ้าไม่เป็นความจริงตั้งแต่แรก ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงเพิ่มขึ้นได้ ต้องจริงทั้งหมดโดยตลอด

ท่านอาจารย์: นี่.. ศึกษาธรรมะเป็นการเริ่มที่จะเข้าใจความจริงของธรรมะ อริยสัจจธรรมรอบที่ ๑

อ.วิชัย: ตรงนี้ครับท่านอาจารย์ เพราะว่าความต้องการก็มาแอบแฝงเสมอที่จะ เอ๊ะ!! ทำไมถึงยังไม่รู้หรือว่า จะมีหนทางอื่นไหม หรือว่า จะพยายามที่จะ อย่างแข็ง อย่างนี้ก็พยายามคิด แล้วก็รู้ว่าเป็นธรรมะ อะไรอย่างนี้ครับ ก็เหมือนกับปัญญาก็ต้องเห็นความเป็น สมุทัย ที่จะคอยตามตลอดอย่างนี้ครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ละไม่ได้

อ.วิชัย: แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็ดูเหมือนผิดทางครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ต้องละเอียดขึ้นๆ ๆ จนสิ่งที่ซ่อนเร้นด้วยความติดข้องปรากฏให้รู้ว่า เป็นสิ่งที่จะต้องละ

อ.วิชัย: ครับ ต้องเป็นหน้าที่ของปัญญาจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น กี่แสนกัปป์ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ ในเมื่อฟังมาตั้งแต่ต้นจนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่า เห็น เป็นอย่างไร ได้แต่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ด้วย ต่อไปด้วย

ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่ ..

ญาณทัสสนะมีรอบ ๓ [มหาวรรค]

สัจจธรรมคือ ธรรมที่มีจริง

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 4 ต.ค. 2568

ต้องละเอียดขึ้นๆ ๆ จนสิ่งที่ซ่อนเร้นด้วยความติดข้องปรากฏให้รู้ว่า เป็นสิ่งที่จะต้องละ กี่แสนกัปป์ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ ในเมื่อฟังมาตั้งแต่ต้นจนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่า เห็น เป็นอย่างไร ได้แต่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ด้วย ต่อไปด้วย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ