มีความเป็นเราเป็นภัยหรือเปล่า?
โดย เมตตา  3 ธ.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51580

[เล่มที่ 67] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส เล่ม ๖ - หน้า 257

ว่าด้วยปัญหาของท่านกัปปะ

สมจริงดังพระพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย สงสารนี้มีที่สุดอันรู้ไม่ได้ ที่สุดข้างต้นแห่งสงสารย่อมไม่ปรากฏ ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายมีอวิชชาเป็นเครื่องกั้นไว้ มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ วนเวียนท่องเที่ยวไป เสวยความทุกข์ความพินาศเป็นอันมากตลอดกาลนาน มากไปด้วยป่าช้า ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย เพราะเหตุนี้แหละ จึงสมควรจะเบื่อหน่าย ควรจะคลายกำหนัด ควรจะหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง ดังนี้. ที่สุดข้างต้นแห่งสงสารย่อมไม่ปรากฏแม้อย่างนี้.


อ.วิชัย: ก็อย่างที่ อ.อรรณพ ได้กล่าวข้อความในพระสูตรครับ เรื่องของอวิชชาเป็นเครื่องกั้นไว้ครับ ก็ขออนุญาติอ่านข้อความที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วครับว่า

ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย สงสารนี้มีที่สุดอันรู้ไม่ได้ ที่สุดข้างต้นแห่งสงสารย่อมไม่ปรากฏ ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายมีอวิชชาเป็นเครื่องกั้นไว้ มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ วนเวียนท่องเที่ยวไป เสวยความทุกข์ความพินาศเป็นอันมากตลอดกาลนาน มากไปด้วยป่าช้า ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย เพราะเหตุนี้แหละ จึงสมควรจะเบื่อหน่าย ควรจะคลายกำหนัด ควรจะหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

ท่านอาจารย์ครับ อย่างความหมายหนึ่งของ ภิกขุ หรือภิกษุ ก็คือเ ป็นผู้ที่เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ ครับ ก็จะเป็นประเด็นกราบเรียนสนทนาท่านอาจารย์ครับ อย่างพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึง สังสาระ ก็คือ ความท่องเที่ยวเป็นไปของสภาพธรรมะ ซึ่งเมื่อมีปัจจัยก็ปรุงแต่งให้เกิดขึ้นเป็นไปไม่รู้จบเลย ครับ ซึ่งถ้ากล่าวโดยสมมติก็จะเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน ครับ จากการศึกษาพระธรรมครับท่านอาจารย์ อย่างถ้าอ่านถึง หรือว่าศึกษาถึงบุคคลที่เกิดในอบายภูมิบ้าง หรือเกิดเป็นมนุษย์ และได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนประการต่างๆ บ้าง ก็ดูเหมือนกับเป็นการเริ่มรู้ว่า การเกิดก็ไม่ดีเลย เหมือนกับต้องประสบกับทุกข์โดยประการต่างๆ แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นเพียงการคิดตามพระสูตรครับ

แต่การที่จะศึกษาเรื่องของสภาพธรรมะที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนี้ ก็นี่แหละ คือวัฏฏะ แต่ดูเหมือนกับไม่เห็นว่าการเกิดดับตอนนี้เป็นภัยอย่างไรครับ แต่ดูเหมือนกับศึกษาเรื่องราวว่า บุคคลเกิดในอบายภูมิได้รับความเดือดร้อน หรือแม้เกิดเป็นมนุษย์ก็ตามได้รับความเดิอดร้อน ดูเหมือนว่าจะเห็นว่าเป็นภัยกว่าการที่จะเห็นว่า สภาพธรรมะในขณะนี้เกิดดับว่าเป็นภัยครับ ก็จะเป็นประเด็นกราบเรียนท่านอาจารย์เรื่องของ ภิกขุ หรือภิกษุ เป็นผู้เห็นภัยในสังสาระอย่างไร ครับ

ท่านอาจารย์: อะไรเกิด อะไรดับ?

อ.วิชัย: อย่างขณะนี้เห็นเกิด แล้วก็เห็นดับครับ

ท่านอาจารย์: เห็นเป็นเราหรือเปล่า?

อ.วิชัย: เห็นไม่ใช่เราครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เราไม่เกิดไม่ดับใช่ไหม?

อ.วิชัย: ไม่มีเราเกิด ไม่มีเราดับครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เห็นไม่ใช่เรา

อ.วิชัย: ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วเดี๋ยวนี้เห็นเป็นเรา หรือไม่ใช่เรา?

อ.วิชัย: ตอนนี้ยังมีการยึดถืออยู่ว่า เป็นเราเห็นครับ

ท่านอาจารย์: แค่นี้เป็นภัยหรือยัง?

อ.วิชัย: ก็ดูเหมือนกับไม่ได้เห็นว่าเป็นภัยครับ ก็ตอบตามที่เหมือนกับเข้าใจบ้างครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ตอบอีกทีซิ

อ.วิชัย: ขณะนี้มีเห็น เกิดแล้วก็ดับ ไม่มีเราเกิด ไม่มีเราดับ แต่ว่ายังมีความเป็นเราเห็นอยู่

ท่านอาจารย์: นั่นแหละ ภัยหรือเปล่า? มีความเป็นเราเป็นภัยหรือเปล่า?

อ.วิชัย: อ๋อ .. ตรงนี้ไม่เห็นว่าเป็นภัยครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม เห็นไหม!! ต้องละเอียดปานใด ข้ามไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นไม่มีอะไรที่จะค่อยๆ ละคลายความเป็นเราเดี๋ยวนี้ และถ้าเดี๋ยวนี้ไม่มีการละคลายความเป็นเรา จะไปละคลายเมื่อไหร่? เดี๋ยวก็เพิ่มมาอีกๆ ๆ

เพราะฉะนั้น ภัยนี้ต้องเป็นภัยของการที่ละเอียดที่คนอื่นไม่รู้คนอื่นไม่เห็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงว่า ภัยคืออะไร? เพราะคนอื่นไม่รู้

อ.วิชัย: ครับท่านอาจารย์ ดังนั้น อย่างการได้มีโอกาสศึกษาครับ ก็เริ่มเข้าใจว่า ขณะที่ยึดถือว่า เป็นเราเป็นภัย แต่ดูเหมือนอย่างการศึกษาว่า คนนั้นเกิดในอบายภูมิ เรากลัวที่จะเกิดในอบายภูมิ ดังนั้น ก็ไม่เห็นว่า ความยึดว่าเป็นเรานี่เป็นภัยครับ แต่เป็นการกล้วที่จะประสบกับความทุกข์ที่ยังต้องเกิดอยู่อย่างนี้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ภัยที่น่ากลัวกว่าการเกิดในนรก คืออะไร เห็นไหม ขาดการไตร่ตรองได้ไหม? ขาดการพิจารณาโดยละเอียดได้ไหม? ต้องละเอียด และมั่นคงจริงๆ

เพราะฉะนั้น ภัยที่เป็นภัยยิ่งกว่าการเกิดในนรก คืออะไร? เกิดในนรกเป็นภัยแล้วใช่ไหม?

อ.วิชัย: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วภัยอะไรล่ะที่ยิ่งกว่าภัยที่เกิดในนรก?

อ.วิชัย: ความไม่รู้ความจริงขณะนี้ครับ

ท่านอาจารย์: ความเห็นผิดว่า เป็นเรา

อ.วิชัย: ความเห็นผิดว่าเป็นเรา ในนรกก็ยังมีความเห็นผิดตามไปทุกที่เลยครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เห็นภัยไหมว่า ภัยอะไรที่ยิ่งใหญ่

อ.วิชัย: อยู่ใกล้ที่สุด แต่ไม่เห็นว่าเป็นภัยครับ เพราะเหมือนกับชินมานานครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เราก็ปริเฉท ๙ บ้าง ปริเฉท ๑ บ้าง ปริเฉท ๓ บ้าง เรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง ภัยอยู่ไหน? เห็นไหม กว่าจะเห็นภัยในขณะนี้ เห็นไหม ความจริงพิสูจน์ได้ รู้ได้ ทุกขณะเมื่อมีปัญญาความเข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริงตามลำดับที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

ภัยทุกขณะก็ไม่เห็น เพราะฉะนั้น ต้องเป็นปัญญาระดับไหนจึงจะเห็นภัยจริงๆ ของการเกิดดับ

เพราะกำลังเกิดดับ แล้วก็พูดถึงเรื่องการเกิดดับหน้าตาเฉย ใช่ไหม?

อ.วิชัย: ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วภัยล่ะ!! ขณะนั้นเป็นภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไม่ละเอียดไม่ลึกซึ้งไม่มีทางที่จะไปแกะไปเอาสิ่งที่สะสมมานานที่เหนียวแน่นมาก ลึกมาก ออกไปได้เลย ปานนั้น

ขอเชิญอ่านได้ที่ ..

ผู้ตั้งอยู่ในท่ามกลางสงสาร [กัปปมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๑๐]

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ