กรรมไหนจะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด
โดย สารธรรม  4 พ.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 51346

ปฏิสนธิจิตมีความสำคัญ เพราะว่าประมวลมาซึ่งกรรมทั้งหลายที่สมควรจะให้เกิดวิบากในชาติหนึ่งๆ บังคับไม่ได้เลยว่า ถ้าเป็นอเหตุกอกุศลวิบากปฏิสนธิ ในอบายภูมิ ที่จะให้มีความสุขประณีตอย่างสวรรค์ชั้นต่างๆ ก็เป็นไปไม่ได้ การเกิดในมนุษย์ภูมิ เป็นผลของมหากุศล ทำให้มหาวิบากปฏิสนธิเป็นผู้ที่ไม่พิการแต่กำเนิด ซึ่งจะเห็นได้ว่า ปฏิสนธิจิตของแต่ละคนเป็นผลของกรรมที่ต่างกัน การเกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่งส่องไปถึงเหตุที่ได้กระทำแล้วในอดีต ไม่มีใครเลือกได้ว่า จะให้กรรมไหนให้ผลทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด


รับฟัง ...

กิจที่ ๑ ปฏิสันธิ (ปฏิสนธิ)

สำหรับกิจที่ ๑ คือ ปฏิสันธิ (ปฏิสนธิ) กิจ ในภพหนึ่งชาติหนึ่งจะมีจิตที่เกิดขึ้นทำกิจนี้เพียงขณะแรกขณะเดียวของภพภูมินี้ จะไม่มีถึง ๒ ขณะ ๓ ขณะอย่างจิตอื่นๆ เลย ซึ่งอเหตุกจิตที่ทำกิจนี้มี ๒ ดวง คือ อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบาก ๑ และ อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก ๑

นี่เป็นการจำแนกให้เห็นว่า อเหตุกจิต ๑๘ ดวง ทำกิจได้ครบทั้ง ๑๔ กิจ เพราะแม้ปฏิสนธิกิจก็ทำได้

คงไม่มีใครไม่เคยทำอกุศลกรรม มากบ้างน้อยบ้างในชาตินี้ และในชาติก่อนๆ นั้นกรรมที่ทำแล้วที่ให้ผลคือวิบากจิตเกิดขึ้นแล้วก็มี และที่ยังไม่ได้ให้ผลคือยังไม่ได้ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นก็มี และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า อกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วในชาติ ก่อนๆ ที่ยังไม่ได้ให้ผล หรืออกุศลกรรมที่ทำในชาตินี้ที่ยังไม่ให้ผล จะทำให้ อเหตุกอุเบกขาสันตีรณะทำกิจปฏิสนธิเมื่อไร ซึ่งย่อมเป็นไปได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ เป็นพระอริยบุคคล อกุศลกรรมก็เป็นปัจจัยทำให้อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากทำกิจ ปฏิสนธิได้

สำหรับผู้ที่ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก เป็นผลของกุศลกรรม อย่างอ่อน ซึ่งกุศลกรรมที่แต่ละท่านทำนั้นก็มีทั้งอย่างอ่อนมาก และอย่างที่เต็มเปี่ยมด้วยเจตนา ศรัทธา และวิริยะ แต่ไม่มีใครเลือกได้ว่า จะให้กรรมไหนให้ผลทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด

เพราะฉะนั้น การทำกุศลแต่ละครั้งผู้ทำย่อมทราบว่า เป็นเหตุที่จะให้เกิดวิบาก คือผลข้างหน้า และอาจทำให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิเมื่อเป็นผลของกุศล แต่ถ้าเป็นผลของกุศลอย่างอ่อน จะทำให้เป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด

การเกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่งส่องไปถึงเหตุที่ได้กระทำแล้วในอดีตว่า เป็นผลของกุศลประเภทไหน แต่ตราบใดที่ยังมีกุศลกรรมอย่างอ่อน เมื่อพร้อมด้วยปัจจัยจะเป็นเหตุให้อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากทำกิจปฏิสนธิได้

นอกจากอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากและอกุศลวิบาก กุศลกรรมที่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา เป็นไปในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นกุศลที่มีกำลัง สามารถทำให้มหาวิบากจิตทำกิจปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ คือ ในมนุษย์และสวรรค์ ทำให้ไม่เป็นบุคคลที่พิการตั้งแต่กำเนิด

เพราะฉะนั้น แต่ละท่านคงพอจะทราบได้จากผลในชาตินี้ว่า ในอดีตได้กระทำกรรมประเภทไหนจึงทำให้ปฏิสนธิเป็นมหาวิบากเกิดในสุคติภูมิ ไม่เป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด

ปฏิสนธิจิตทั้งหมดมี ๑๙ ดวง เป็นอเหตุกจิต ๒ ดวง มหาวิบาก ๘ ดวง รวมเป็น ๑๐ ดวง นอกจากนั้นยังมีปฏิสนธิจิตที่เป็นรูปาวจรวิบากจิต ๕ ดวง เป็นผลของรูปาวจรกุศลจิต ทำให้ปฏิสนธิเป็นรูปพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิ ๑๖ ภูมิ ซึ่งจะมีวิบากตามสมควรแก่การเกิดเป็นรูปพรหมบุคคล คือ ไม่มีฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ แต่ยังมีจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ เป็นต้น และสำหรับอรูปาวจรกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอรูปาวจรวิบากจิต ๔ ดวง ทำให้ปฏิสนธิเป็น อรูปพรหมบุคคลในอรูปพรหม ๔ ภูมิ รวมเป็นปฏิสนธิจิต ๑๙ ดวง

ปฏิสนธิจิตมีความสำคัญ เพราะว่าประมวลมาซึ่งกรรมทั้งหลายที่สมควรจะให้เกิดวิบากในชาติหนึ่งๆ บังคับไม่ได้เลยว่า ถ้าเป็นอเหตุกอกุศลวิบากปฏิสนธิ ในอบายภูมิ ที่จะให้มีความสุขประณีตอย่างมากอย่างสวรรค์ชั้นต่างๆ ก็เป็นไปไม่ได้ หรือแม้แต่การเกิดในมนุษย์ เป็นผลของมหากุศล ทำให้มหาวิบากปฏิสนธิเป็นผู้ที่ ไม่พิการแต่กำเนิด ซึ่งจะเห็นได้ว่า ปฏิสนธิจิตของแต่ละคนเป็นผลของกรรมที่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ปฏิสนธิจิตของแต่ละบุคคลก็ประมวลมาซึ่งกรรมทั้งหลายที่สามารถจะมีปัจจัยทำให้วิบากของกรรมนั้นๆ เกิดขึ้น ในภพชาติที่ปฏิสนธิด้วยจิตนั้น

ฉะนั้น แต่ละคนจึงมีสุขมีทุกข์ต่างๆ กันตามปฏิสนธิจิต แล้วแต่ว่าปฏิสนธิจิตนั้นจะเป็นจิตประเภทใด

นี่เป็นความสำคัญอย่างหนึ่งของปฏิสนธิจิต เพราะถ้าเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นอเหตุกปฏิสนธิ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก สัตว์น้ำ จะเห็นได้ว่า จำกัดวิบากที่จะเกิดขึ้นว่าต้องเป็นไปตามกำเนิดนั้นๆ จะให้มีกุศลวิบากเพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างผู้เป็นมนุษย์และเทวดา ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ถ. มหากุศลเป็นทาน เป็นศีล เข้าใจ แต่มหากุศลที่ประกอบด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย หมายความว่าอย่างไร

สุ. ทางตา เห็นแล้วเกิดกุศลจิตได้ แล้วแต่ว่าเห็นสิ่งใด ก็คิดให้เป็นไปในเรื่องของทาน หรือในเรื่องของศีล เช่น เห็นอาหารที่อร่อย หรือเห็นสีสันวัณณะที่ น่าพอใจคิดว่าสมควรจะให้บุคคลอื่นได้มีส่วนในสิ่งนั้นๆ ก็มีการสละวัตถุนั้นให้

ได้ทุกอย่างสำหรับมหากุศล เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่ามหากุศล เพราะเป็นกุศลที่เป็นไปได้มากทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย

สำหรับจิตที่ทำปฏิสนธิกิจสั้นมาก เพียงชั่วขณะจิตเดียวซึ่งดับไปแล้วไม่เกิดอีกในภพนั้นชาตินั้น และทุกคนก็มีจิตที่กระทำกิจนี้แล้ว [ตอนที่ 1517]



ความคิดเห็น 1    โดย มังกรทอง  วันที่ 4 พ.ย. 2568

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง