ถ. (ไม่ได้ยิน)
สุ. ไม่ได้เจาะจง มหาสติปัฏฐานมี ๔ ทั้ง ๔ เป็นสติปัฏฐาน ไม่ใช่เจาะจง แล้วผู้ที่จะครอบงำขันธ์ อายตนะ ธาตุ และไตรภพทั้งหมดได้ เป็นผู้รู้ทุกข์ทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะบางนามบางรูป เป็นผู้รู้ทุกข์ทุกอย่าง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งถามว่า ท่านพระองคุลีมาลเจริญสติปัฏฐานไหน ทำไมจึงถามว่าเจริญสติปัฏฐานไหน ในเมื่อสติปัฏฐานมี ๔ ท่านพระองคุลีมาลมีตาไหม มีหูไหม มีจมูกไหม มีกายไหม มีใจไหม แล้วทำไมจะให้ท่านพระองคุลีมาลเจริญเฉพาะสติปัฏฐานหนึ่งสติปัฏฐานใด เพราะเหตุว่าผู้ที่จะละได้ เป็นผู้ที่รู้ทุกข์ทุกอย่าง เพราะเหตุว่าสติปัฏฐานมี ๔ ระลึกได้ในขณะใด สติก็รู้สภาพของกาย หรือเวทนา หรือจิต หรือธรรม หรือโดยย่อ นามและรูปที่กำลังปรากฏทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทาง คือ ทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
ท่านพระอานนท์ก็เหมือนกัน บางคนก็ได้ฟังพยัญชนะที่ว่า ท่านบรรลุอรหัตตมรรค อรหัตตผล ไม่ใช่ในอิริยาบถนั่ง นอน ยืน เดิน แต่เป็นระหว่างอิริยาบถนั่งกับนอน ก็เลยคิดว่า ท่านพระอานนท์นั้นเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เหมือนเวลานี้ทุกคนกำลังนั่ง รูปทรงอยู่ในลักษณะอาการที่บัญญัติใช้คำว่า “นั่ง” แต่ว่าสติจะระลึกรู้นาม หรือรูปทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ
สติปัฏฐานมี ๔ ไม่ได้เจาะจงว่า จะต้องเจริญเฉพาะสติปัฏฐานนั้น แต่ที่จะรู้ทั่วและละได้นั้น ต้องรู้หมดไม่สงสัย พระโสดาบันบุคคลละวิจิกิจฉานุสัยในลักษณะของนามและรูปทั้งปวง แต่ไม่ใช่หมายความว่า เมื่ออยู่ในอิริยาบถใด ก็คิดว่าท่านจะต้องเจริญอิริยาบถบรรพ หรือว่ากายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 44
รับฟัง ...
สติปัฏฐานมี ๔ ไม่ใช่เจาะจง