ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีใคร......มีแต่เหตุปัจจัย ทั้งสิ้น !
โดย พุทธรักษา  23 ต.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 10200

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรม โดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๒๕ ถอดเทป โดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล


เช่น ท่านที่สนใจ ในการฟังพระธรรม มีการศึกษาพระธรรมถ้าไม่พิจารณาถึง "ปกตูปนิสสยปัจจัย" อาจจะไม่ทราบว่าเพราะอะไร จึงทำให้เป็นผู้ที่สนใจศึกษาพระธรรม แต่ให้ทราบว่าท่านที่สนใจศึกษาพระธรรมจะให้ไม่สนใจศึกษาพระธรรมก็ไม่ได้ เพราะว่า ต้องเป็นไปตาม "ปกตูปนิสสยปัจจัย" เพราะว่าเป็นผู้ที่มีปกติสะสมกุศล ที่ประกอบด้วยปัญญาหรือ สัทธา ศีล สุตตะ จาคะ มาแล้วในอดีต

ชีวิตประจำวันของท่านผู้ฟังซึ่งเป็นผู้ที่ให้ทาน ในขณะให้ทานนั้น สามารถที่จะระลึกรู้ "ลักษณะ" ที่ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ได้ เพราะว่า แม้การให้ทาน หรือ กุศล ที่เป็นไปในทาน ในขณะนั้นก็เป็นเพราะ "ปัจจัย" คือ "ทานกุศล" ที่ได้กระทำมาแล้วในอดีตเป็นปัจจัย

แต่ว่า ชีวิตของแต่ละคนก็มีการสะสม ในเรื่องสภาพธรรมทั้ง จิต เจตสิก ใน "ลักษณะ" ที่ต่างๆ กัน เช่น บางท่าน ก็เป็นผู้ที่ให้ทานมากจริงๆ มี "อุปนิสสัย" ในการให้ทานแต่เป็น ผู้ที่มีศีลน้อย หรือว่า เป็นผู้ที่มีสุตตะน้อยคือ การฟัง การศึกษาน้อย ก็เป็นไปตาม "ปัจจัย" อีกเหมือนกัน เพระว่า สะสม "ปัจจัย" ที่จะทำ ทานกุศล มากกว่าแต่ว่าไม่ได้สะสม "ปัจจัย" ในการฟังในการศึกษาพระธรรมหรือว่า ในการเจริญศีล ให้มั่นคง

หรือว่า บางท่าน ก็เป็นผู้ที่มีศีลดีเพราะว่า "อุปนิสสัย" สะสมมาในการที่จะวิรัติทุจริตทางกาย วาจา.แต่เป็นผู้ที่มีทานกุศลน้อย นี่ก็เป็นไปตาม "เหตุปัจจัย" ทั้งสิ้น หรือว่าบางท่านเป็นผู้ที่มี ศีลดีแต่ มีเมตตาน้อยเป็นไปได้ไหมคะ

เพราะฉะนั้น "ศีลย่อมไม่มั่นคง" ถ้าเป็นผู้ที่ขาดเมตตา เพราะว่า บางท่านเป็นผู้ที่ไม่กระทำทุจริตทางกาย วาจาเป็นปกติ แต่ว่า "เป็นผู้ที่เห็นแก่ตัว" คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองไม่คำนึงถึงความสุขของผู้อื่น ก็แสดงว่าเป็นผู้ที่มีศีลดี แต่ขาดความเมตตา

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ถ้ามีการ "ปรารถนาความสุขของตัวเอง" มากขึ้น ศีลนั้นก็ย่อมจะไม่มั่นคงเพราะว่า ย่อมจะมีการกระทำทุจริต ทางกาย ทางวาจา
นี่ ก็เป็นขณะที่กุศลเกิดขึ้นในวันหนึ่งๆ แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลประเภทของทาน ศีลหรือ การอบรมเจริญปัญญา


ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่ และสรรพสัตว์



ความคิดเห็น 1    โดย suwit02  วันที่ 24 ต.ค. 2551

สาธุ


ความคิดเห็น 2    โดย pornpaon  วันที่ 24 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย opanayigo  วันที่ 24 ต.ค. 2551

พิจารณาพร้อมรูป รูปสวยค่ะ

อนุโมทนานะคะ


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 24 ต.ค. 2551

สภาพธรรมทั้งหลายล้วนเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ สภาพธรรมเกิดขึ้นล้วนตามเหตุปัจจัยที่ได้สะสมมา

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย orawan.c  วันที่ 24 ต.ค. 2551

เมื่อปัญญาเกิดขึ้นรู้จริงๆ ตามกระทู้ ชีวิตคงเบาสบายมากๆ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย ajarnkruo  วันที่ 25 ต.ค. 2551

พระธรรมช่วยชี้ให้เห็นถึงความพร่องของกุศลที่ได้สะสมมาที่มีอยู่ จะเรียกว่าไม่พร่องก็ไม่ได้เพราะเหตุว่ายังเป็นปุถุชน "ทำกุศลเท่าไรก็ยังไม่พอ"

กุศลบางอย่างเกิดบ่อยๆ แต่ก็ยังเกิดน้อยมากเมื่อเทียบกับอกุศล กุศลบางอย่างที่ควรจะเกิดก็ไม่ค่อยจะเกิดเท่าที่ควรและกุศลบางอย่างในชาตินี้ ไม่เคยเกิดเลยยังต้องสะสมเจริญกุศลทุกประการต่อไปอีกนานแสนนานจริงๆ

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย wannee.s  วันที่ 25 ต.ค. 2551
ทำความดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ

ความคิดเห็น 8    โดย เซจาน้อย  วันที่ 26 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 9    โดย nida  วันที่ 28 ต.ค. 2551

แม้ไม่มีธรรมะ ก็มีจริง ...

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย เมตตา  วันที่ 30 ต.ค. 2551

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง......เป็นธรรมะค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย Sam  วันที่ 3 พ.ย. 2551
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ ๑๐

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง เป็นธรรมะค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

ทุกสิ่งทุกอย่างทีมีจริง เป็นธรรมะ แม้ไม่ใช้คำว่าธรรมะ ก็มีจริง

ขอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย Noparat  วันที่ 5 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย papon  วันที่ 24 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 14    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ