
เราจะพูดชื่อหรือจะ ... เข้าใจสิ่งที่มี
ถ้าจำคำต่อไปเรื่อยๆ แต่ ... ไม่รู้อย่างนี้ ... ประโยชน์อยู่ไหน ... จนตาย!
พระพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่มีเป็นปกติ ให้รู้ว่าธรรมะกำลังมีจริงๆ เป็นปกติ แต่เราไปจำคำหมด เป็นบาลีไปหมด เป็นวิถีจิต เป็นโน่นเป็นนี่ไปหมด ไม่รู้เลยว่า กำลังพูดถึงตรงนี้
มีคนสนใจธรรมะมาก ศึกษาเพื่อได้ ... ผิด!! เพราะตัวตน ... เพื่อตนเข้าใจ
เป็นโน่นเป็นนี่เป็นอัตตาทั้งโลกทุกวันแล้วความจริงมันไม่ใช่ จึงต้องค่อยๆ เข้าใจว่าความจริงลึกแค่ไหน ละเอียดแค่ไหน ปกปิดแค่ไหน กำลังเกิดดับก็เหมือนไม่เกิดดับเลย กำลังอยู่ในความมืดด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้นความไม่รู้ก็ปกปิด ต้องตรง ... สัจจบารมี ... ตรงต่อความเป็นจริงว่า ความจริงเป็นอย่างนี้แต่ไม่รู้ ... จนกว่าจะค่อยๆ รู้ด้วยความไม่ใช่เรา ... ยิ่งยาก ... แล้วแต่ปัจจัย ... ฟังไป ...
ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ตรัสจะรู้ไหม ... ไม่มีทาง!!! มันสว่างไปทุกขณะแต่ทุกขณะได้ยังไงขณะที่ได้ยินมันไม่สว่าง ... กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่คั่นแทรกสิ่งที่ปรากฏว่าสว่างเดี๋ยวนี้ ... มืดหมด ... ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจมืดทั้งนั้น ใครนะฉลาด ... ใครรู้ ... ถ้าไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้า จะรู้ได้ยังไง?!
ความเข้าใจเท่านั้นที่จะละความไม่รู้และความติดข้อง หนทางผิดมีเยอะ (อะไรก็ละกิเลสไม่ได้นอกจากความเข้าใจ) ... อยู่ที่เข้าใจ ค่อยๆ เข้าใจตามลำดับขั้นของปัญญา
ณ กาลครั้งหนึ่ง “สนทนาธรรมบ้าน ซ.พัฒนเวศม์"
พุธ 30 เมษายน 2568 (เช้า)
ลิงก์ Facebook ... คลิกที่นี่