อุปนิสัยต่างเพราะสะสมเป็นปกติจากปกตูปนิสสยปัจจัย


    ไม่รู้เลยใช่ไหมว่าจะมีกำลังถึงอย่างนี้   แต่ผลปรากฏคือ   ชีวิตแต่ละคนมีอุปนิสัยต่างๆ  กัน   ตามอนันตรปัจจัยและอนันตรูปนิสสยปัจจัยที่ได้สะสมมา  จนกระทั่งเป็นปกติ   เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย 

    แต่ละท่านรู้จักตัวเองพอสมควรว่า มีฉันทะ   หรืออุปนิสัยในทางใด   แต่ไม่ทราบว่า  นั่นเป็นอนัตตา   เพราะเหตุว่าสะสมสืบต่อมาเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นอุปนิสสัย   เป็นปกติที่มีกำลัง 

    ถ้าคิดจะให้ทานเกิดขึ้น  ไม่น่าจะสงสัยเลยว่า  ทำไมจึงคิดอย่างนี้   ถ้าไม่เคยสะสมเป็นอุปนิสัยจนเป็นปกติ  ย่อมจะไม่คิดอย่างนี้   เพราะเหตุว่าคนอื่นคิดในทางที่เบียดเบียน  แทนการสละให้   หรือว่าท่านที่สามารถจะรักษาศีลได้  วิรัติทุจริตทางกาย  ทางวาจา  ถ้าทราบเรื่องของปกตูปนิสสยปัจจัย   ก็จะไม่สงสัยเลยว่า  ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นได้   เพราะเหตุว่าเคยเกิดสะสมเป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัย  จนกระทั่งเป็นปกติ   จึงเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยของแต่ละบุคคล

    และนอกจากเรื่องของอกุศลซึ่งเป็นไปต่างๆ ตามฉันทะ  โลภะ  ทางตา  ทางหู   ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกาย  ทางใจ  หรือว่ากุศลเป็นไปต่าง ๆ ในทาน  ในศีล   ในสมถะ  ความสงบของจิต   หรือว่าในการอบรมเจริญปัญญา   อุตุ   ความเย็น  ความร้อน  หรือโภชนะ  อาหาร  หรือเสนาสนะ  ที่อยู่  หรือบุคคลที่เป็นผู้ใกล้ชิด   ก็ยังเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย  คือ  เป็นปัจจัยที่สะสมมา  จนเป็นปกติที่สามารถจะให้สภาพธรรมนั้น ๆ  เกิดขึ้นเป็นไปอย่างนั้น   อากาศเย็น ๆ   บางคนก็ชอบ   บางคนก็ไม่ชอบ   บางคนก็สบาย   บางคนก็ไม่สบาย   เพราะอะไร  ทำไมไม่เหมือนกัน   ถ้าไม่เคยสะสมความพอใจ   หรือว่าการที่จะเป็นสัปปายะ   ที่สบาย ที่เหมาะ ที่ควรสำหรับบุคคลนั้น   สภาพธรรมนั้น ๆ ก็จะไม่เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย   คือไม่เป็นสภาพธรรมที่เป็นปกติที่มีกำลังสำหรับบุคลนั้นได้   

    หรือแม้แต่บุคคลก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก   การที่จะพอใจในกาย  ในวาจา  ในอัธยาศัยของบุคคลใด   จะมีการคบหาสมาคมโดยธาตุ   เช่น  ผู้ที่มีความเห็นเช่นท่านพระเทวทัตก็คบหาสมาคมกับท่านพระเทวทัต   ผู้ที่มีฉันทะในการอบรมพอใจในปัญญา ก็คบหาสมาคมเป็นพวก ๆ ไปตามอัธยาศัย   อัชฌาสัย   หรือธาตุที่สะสมมา   โดยสภาพของปกตูปนิสสยปัจจัย


    หมายเลข 4944
    28 ส.ค. 2558