คันถะ ๔ พยาปาทกายคันถะ

 
พุทธรักษา
วันที่  15 ก.ย. 2551
หมายเลข  9864
อ่าน  1,406

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๓๔ บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สำหรับ คันถะ ที่ ๒ คือพยาปาทกายคันถะ ได้แก่ความไม่แช่มชื่น ความไม่พอใจ เพราะว่ามีผู้ทำความเสื่อมเสียให้กับตัวท่านหรือว่า มีผู้ทำความเสื่อมเสียให้กับผู้ที่เป็นที่รักของท่าน หรือว่ามีผู้ทำความเจริญให้กับผู้ที่ไม่เป็นที่รักของท่าน

ไม่ใช่เพียงแต่บุคคลอื่นจะทำสิ่งที่ไม่ดี เป็นความเสื่อมเสียให้กับตัวท่านเท่านั้น แต่ยังกว้างขวางครอบคลุมขยายไปถึงทั้งบุคคลซึ่งไม่เป็นที่รักและบุคคลซึ่งเป็นที่รักด้วย เป็นต้นว่า ถ้ามีใครทำความเสื่อมเสียให้บุคคลผู้เป็นที่รัก และหมู่คณะถ้าท่านคลุกคลีกับพวกพ้องกับหมู่คณะใดและท่านมีความรู้สึกว่ามีบุคคลอื่นจะทำความเสื่อมเสียให้กับพวกพ้องหรือว่าบุคคลที่ท่านสนิทสนมคุ้นเคยด้วย

จิตใจของท่านเป็นยังไงคะ ไม่แช่มชื่นแล้ว หรือว่าตรงกันข้ามบุคคลผู้นั้นไม่เป็นที่รักของท่าน แต่ว่ามีบุคคลอื่นทำความเจริญให้กับบุคคลซึ่งไม่เป็นที่รักของท่าน ความไม่พอใจ ความไม่แช่มชื่น ก็เกิดขึ้นได้และเป็นคันถะ ผูกไว้ไม่ให้ไปสู่มรรคมีองค์ ๘ หรือว่า ทำให้สติไม่เกิดระลึกรู้ลักษณะของนามและรูป ตามความเป็นจริงแต่ถ้าท่านเป็นผู้มีปกติเจริญสติแล้วละก็ ท่านจะต้องระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปทั้งปวงที่เกิดกับท่าน

ถ้าเกิดความไม่แช่มชื่นขึ้นเพราะมีผู้อื่น ทำความเสื่อมเสียให้กับท่านผู้ที่เจริญมรรคมีองค์ ๘ สติระลึกรู้สภาพของจิตใจในขณะนั้น เป็นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานได้ ทุกอย่าง ทุกวัน ที่เกิดขึ้นเป็นไปนั้น ก็เป็นเพราะการสะสมของแต่ละบุคคลทำให้แต่ละบุคคลกระทำกายอย่างนั้น วาจาอย่างนั้น เพราะฉะนั้น สติก็ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ตามความเป็นจริง



โลกในอริยวินัยคือ ทุกสิ่งซึ่ง เกิด ดับ ฉะนั้น สภาพธรรมซึ่งไม่เกิดดับเท่านั้นที่ไม่ใช่โลก เป็นสภาพธรรมที่พ้นจากโลก เหนือโลก เป็น "โลกุตตระ" คือ "พระนิพพาน" (จาก "จิตสังเขป" บทที่ ๑๕ โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์)

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ปริศนา
วันที่ 15 ก.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สังตุตตนิกาย สฬายตนวรรค ฉันนวรรคที่ ๔

โลกสูตร

ครั้งนั้นแลท่านพระอานนท์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกกันว่า โลกๆ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร จึงเรียกกันว่า "โลก"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกร อานนท์ สิ่งใดมีความแตกสลายเป็นธรรมดา นี้เรียกว่า "โลกในอริยวินัย" ก็อะไรเล่า มีความแตกสลายเป็นธรรมดา จักขุ แลมีความแตกสลายเป็นธรรมดา รูปมีความแตกสลายเป็นธรรมดา จักขุวิญญาณมีความแตกสลายเป็นธรรมดา จักขุสัมผัสมีความแตกสลายเป็นธรรมดา สุขเวทนา ทุกเวทนา อทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย มีความแตกสลายเป็นธรรมดาตลอดไปจนถึง ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Noparat
วันที่ 16 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของคุณปริศนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 16 ก.ย. 2551

ถ้าเกิดความไม่แช่มชื่นขึ้นเพราะมีผู้อื่น ทำความเสื่อมเสียให้กับท่านผู้ที่เจริญมรรคมีองค์ ๘ สติระลึกรู้สภาพของจิตใจในขณะนั้น เป็นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานได้

ขออนุโมทนาคุณปริศนาและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
อิน
วันที่ 16 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณปริศนา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 19 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ