เกี่ยวกับการรับเงินทองของพระ

 
เจริญในธรรม
วันที่  4 มี.ค. 2551
หมายเลข  7687
อ่าน  2,761

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและเป็นที่พึ่งอันสูงสุด

หัวข้อนี้ผมเคยถามไปแล้วครั้งหนึ่งครับ มีคำถามมาใหม่ครับว่า ผู้ที่รับก็รู้ว่าการรับเงินทองไม่ควร แต่ก็ยังรับอยู่ดังนี้ครับ

๑. มีฆราวาสท่านหนึ่ง บริจาคเงิน ๒๐ ล้านก่อนที่ท่านจะตาย พระท่านก็รู้ข้อวินัยนี้แต่ก็นำเงินนั้นมาทำประโยชน์ เช่น สร้างโบสถ์ ศาลาธรรม และจัดตั้งเป็นเงินของมูลนิธิฯ เพื่อช่วยเหลือคนจนและจัดหาสื่อธรรมะต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ดังนี้แล้ว ผู้ถวายเงิน บาปหรือไม่ ผู้รับบาป และอาบัติหรือไม่

๒. มีฆราวาส ไปทำบุญที่วัด ก็ถวายปัจจัยด้วยพร้อม พระไม่ได้รับกับมือแต่ให้ฆราวาสวางไว้ที่หน้าท่าน ท่านก็ให้ลูกศิษย์มาเก็บไป และบอกว่าจะนำไปเก็บเพื่อสร้างศาลาธรรม ผู้ให้บาปหรือไม่ ผู้รับอาบัติและบาปหรือไม่

๓. ที่วัดนั้นๆ ไม่มีลูกศิษย์เลย แต่มีตู้ให้รับบริจาค ที่หน้าพระประธานในศาลา เราหยอดเงินเพื่อบริจาคบาปหรือไม่ ควรหรือไม่ และหากที่ตู้เขียนว่า เป็นค่าน้ำไฟ ควรที่จะบริจาคหรือไม่

๔. ผมอยากบริจาคเงินสร้างอุโบสถหลังใหม่ที่วัดนั้น ซึ่งไม่มีลูกศิษย์ ผมจะบริจาคอย่างไรดี

ขอความกระจ่างด้วยครับ ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 4 มี.ค. 2551

บริจาคเงินช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ หรือสร้างศาลาได้ ผู้ถวายเงินไม่บาป เป็นกุศลจิตที่สละ แต่พระรับเงินทองไม่ได้ เป็นอาบัติ ท่านก็ต้องมีฆราวาสดูแลเงินบริจาคค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 5 มี.ค. 2551

ขอเพิ่มเติมดังนี้

๑. และ ๒. ความจริงควรทำให้ถูกต้องตามพระวินัย จึงจะถูกต้อง คือบริจาคผ่านไวยาวัจกรตามพระวินัย พระภิกษุรับเงิน เพื่อตนต้องอาบัตินิสสัคคีย์ แต่รับเพื่อผู้อื่น เพื่อสร้างอุโบสถ พระเจดีย์ เป็นต้น ต้องอาบัติทุกกฏ คือเบากว่ารับเพื่อตนเอง
สรุปคือ ไม่พ้นอาบัติ แม้ในข้อที่ ๒ พระท่านไม่ปฏิเสธให้วางไว้ ก็เป็นอาบัติ ฝ่ายผู้ถวาย จิตก็เป็นกุศล เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ประกอบด้วยปัญญา
๓. ถ้าให้ถูกต้อง ตู้รับบริจาค ควรเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์เป็นผู้ดูแล จึงควรหยอดเงิน
๔. ควรถามหาไวยาวัจกรหรือคนวัด หรือใครก็ได้ที่เป็นคฤหัสถ์ ที่อยู่บริเวณนั้น แล้วมอบเงิน เพื่อสร้างอุโบสถ ผ่านคฤหัสถ์จึงจะถูกต้องตามพระวินัย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
นิบภาณ
วันที่ 8 มี.ค. 2551

พระท่านอ้างเรื่องยุคสมัย ก็ถูกของท่าน คือเป็นยุคสมัยของพระทุศีลไงครับ ผู้ถวายเงินพระเป็นบุญเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่ประกอบด้วยปัญญา เพราะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา โดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย อยากถวายเงินพระ ก็อ้างโน่น อ้างนี่ ความจริงเห็นแก่ตัวมาก ถือเอาความสบายส่วนตัวเป็นหลัก แถมยังโลภในบุญ เพราะคิดว่าถวายเงินพระแล้วได้บุญมาก พระศาสนาจะเป็นไงก็ช่าง ฉันไม่สนใจ เพราะได้ทำบุญกับพระแล้ว ได้บุญมากกว่าทำบุญอย่างอื่น ศาสนาจะเสื่อมก็เพราะพวกเรากันเองนี่แหละ ไม่ควรไปโทษศาสนาอื่น ไม่ควรกระเสือกกระสน ไปบรรจุพระพุทธศาสนา ในรัฐธรรมนูญด้วย จะไปบังคับเขาทำไม ในเมื่อตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าห้ามพระรับเงิน

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ