ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการทำหมันแมวตัวเมีย
กระผมขอถามว่า ถ้าเราทำหมันแมวตัวเมีย โดยมีเจตนาเพื่อไม่ต้องการให้แมวมีลูกแมวเพราะมันจะทำให้เป็นภาระในอนาคต จะทำให้ได้รับวิบากกรรมอะไรบ้าง และควรทำไหม หรือมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมครับ ขอคำแนะนำด้วย
ท่านจะทำหมันเฉพาะแมวตัวเมีย เพราะไม่ต้องการรับภาระในการเลี้ยงลูกแมว แล้วแมวตัวผู้ล่ะคะ ควรให้ความยุติธรรมกับทั้งสองเพศนะคะ เพราะธรรมชาติของสัตว์ย่อมเกิดความกำหนัดเมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ เคยเห็นช้างตกมันมั้ยคะ ถ้าเป็นสัตว์เล็กก็ฤทธิ์เดชน้อยกว่านั้น สัตว์ที่ถูกทำหมันแล้ว เค้าจะหมดปฏิกิริยาต่อเพศตรงข้ามไปเลย ไม่เหมือนคนนะคะ ซับซ้อนกว่าสัตว์เยอะ
มีเพื่อนผมคนหนึ่ง เขาไม่กล้าทำหมันให้สัตว์ เพราะเขาคิดถึงอนาคตชาติ ว่าถ้าต้องการลูกขึ้นมาเมื่อไร กรรมที่เกิดจากการทำหมันสัตว์ให้ผล ก็จะทำให้เขาไม่ได้ลูกตามต้องการ เช่น ถ้าเกิดเป็นพระราชา แล้วไม่มีลูก อันนี้เป็นเรื่องเลยล่ะครับ
ส่วนเรื่องที่คุณดีเวาท์ กล่าวมา ผมก็เพิ่งทราบ เป็นความรู้ใหม่ ว่าการทำหมันสัตว์จะทำให้สัตว์นั้นหมดความต้องการทางเพศไปด้วยทั้งเพศผู้ เพศเมีย อันนี้ก็เป็นข้อควรพิจารณาเหมือนกัน สำคัญที่เจตนาครับ
ใช่ครับ สำคัญที่เจตนา ส่วนมากทำเพราะไม่ต้องการให้มีลูก (กลัวจะเป็นภาระ) ไม่ได้คิดไกลไปถึงขนาดที่ว่า ไม่ต้องการให้เขาเจ็บจากการคลอดลูกบ่อยๆ และถ้าเป็นจริงอย่างคุณ devout ว่า พวกคุณ พร้อมที่จะหมดความต้องการทางเพศด้วยหรือไม่ในชาติต่อไป ซึ่งปุถุชนที่หมดความต้องการทางเพศก็ไม่ใช่พระอนาคามีนะครับ (เพราะท่านดับความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่างเด็ดขาด) ไม่เหมือนปุถุชนที่บ่อมิไก๊ คือ ยังมีความอยากทางเพศอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้
กระผมขอถามว่า ถ้าเราทำหมันแมวตัวเมีย โดยมีเจตนาเพื่อไม่ต้องการให้แมวมีลูกแมว เพราะมันจะทำให้เป็นภาระในอนาคต จะทำให้ได้รับวิบากกรรมอะไรบ้าง และควรทำไหม หรือมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมครับขอคำแนะนำด้วย
ต้องเป็นผู้ตรง ที่เราทำหมันสัตว์เพราะอะไร เพราะเรารักตัวเอง ไม่อยากมีภาระเดือดร้อนต้องเลี้ยงเยอะ หรือสงสารสัตว์ว่าสัตว์ตัวนั้นจะต้องมีลูกมาก ก็รู้กันอยู่ว่าเจตนาข้อไหน สำคัญที่เจตนา ดังนั้น เราก็รู้ๆ กันอยู่ เจตนาไม่ต้องการให้สัตว์มีลูก เมื่อเป็นเจตนานี้ ไม่ได้หวังดีกับสัตว์แต่หวังดีกับตัวเอง หมอผ่าตัดรักษาคนไข้ เจตนาเพื่อรักษา หวังดีกับคนไข้ แต่เจตนาที่ไม่ให้สัตว์มีลูกเพราะรักตัวเองไม่ได้หวังดีกับสัตว์จึงให้สัตว์ทำหมัน นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เจตนาของหมอผ่าตัดที่รักษาคนไข้ และเจตนาทำหมันสัตว์ตามที่กล่าวมา ต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อเจตนาต้องการไม่ให้สัตว์มีลูก ถามว่าสัตว์อยากมีลูกไหม บางคนบอกว่า ไม่อยากมีแต่จะขอยกพระสูตรเรื่องหนึ่ง ตอนหลังสุดว่า แม้บุคคลบางคนคลอดลูกด้วยความลำบาก กว่าจะคลอดได้ พระพุทธเจ้าถามว่าอยากมีอีกไหม เขายังบอกว่าอยากมีเลย
ดังนั้น เจตนาจะให้เขาไม่มีลูกมิใช่หวังดีกับเขา แต่เพื่อความสุขของตนที่ไม่ต้องรับภาระ (เป็นผู้ตรง) ถ้าเจตนานี้ก็เป็นอกุศลเจตนา ถามว่าจะได้รับวิบากอะไรบ้าง วิบากที่ได้รับนั้นมี ปฏิสนธิกาล และปวัตติกาล อกุศลเจตนานี้ ไม่ครบกรรมบถแน่นอน เพราะไม่ได้ทำชีวิตสัตว์ให้ตาย กรรมนั้นจึงไม่เป็นปัจจัยให้เกิดในอบายภูมิ แต่การเบียดเบียน ด้วยล่วงทางวาจาที่ให้ทำหมัน ด้วยเจตนาอย่างนั้น ก็ลองคิดกันเองว่าในเมื่อเป็นอกุศลเจตนาเช่นนั้น จะมีผลในปวัตติกาล คือเมื่อเกิดแล้วหรือไม่ครับ ดังนั้น การที่ทำเพื่อความสุขของตนบนความเดือดร้อนของผู้อื่น ผู้นั้นย่อมไม่ได้รับความสุขในโลกหน้าครับ ดังนั้น สำคัญที่เจตนาจริงๆ แต่ที่รู้ๆ กันอยู่นั่นแหละ เจตนาเป็นแบบไหนถ้าเป็นผู้ตรง ส่วนการทำหมันให้คนไข้ ตัวหมอเองมีเจตนาดีแน่นอน และตัวเขาเองก็ยอมให้ทำ แต่ตัวอย่างนี้ต่างกับเจตนาที่สั่งให้หมอทำหมัน เพราะไม่ต้องการเป็นภาระของตัวเอง คนสั่งไม่ต้องการให้สัตว์มีลูก เจตนาจึงต่างกันครับ.
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 207
ข้อความบางตอนจาก สุปปวาสาสูตร
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า พระนางสุปปวาสา-โกลิยธิดา ทรงมีพระทัยชื่นชมเบิกบานเกิดปีติโสมนัสแล้ว จึงตรัสถามพระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาว่า ดูก่อนพระนาง พึงปรารถนาพระโอรสเห็นปานนี้แม้อื่นหรือ พระนางสุปปวาสากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ หม่อมฉันพึงปรารถนาบุตรเห็นปานนี้แม้อื่นอีก ๗ คนเจ้าค่ะ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ทุกข์อันไม่น่ายินดี ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท โดยความเป็นของน่ายินดี ทุกข์อันไม่น่ารักย่อม ครอบงำคนผู้ประมาท โดยความเป็นของน่ารัก ทุกข์ ย่อมครอบงำบุคคลผู้ประมาท โดยความเป็นสุข.
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 178
ข้อความบางตอนจาก ทัณฑสูตร
ผู้ใดแสวงหาความสุขเพื่อตน ย่อมเบียดเบียน สัตว์ทั้งหลาย ผู้ใคร่ความสุขด้วยท่อนไม้ ผู้นั้นย่อม ไม่ได้ความสุขในโลกหน้า ผู้ใดแสวงหาความสุข เพื่อตน ย่อมไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายผู้ใคร่ความสุขด้วยท่อนไม้ ผู้นั้นย่อมได้ความสุขในโลกหน้า.
จาก คนรักสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
ขอนอบน้อมแด่คุณพระรัตนตรัย
การทำหมันในสัตว์ (แมว+หมา) ตัวผู้ จะทำให้หมดความต้องการไปด้วยในตัว และในตัวเมีย น่าจะหมดความต้องการไปในตัวด้วยเหมือนกัน เพราะรังไข่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่ทำงาน จะกลายเป็นแมวที่มีระบบร่างกายเหมือนอายุมากหรือเหมือนคนสาวที่ไม่มีรังไข่ จะกลายระบบร่างกายเป็นคนที่อายุมาก และไม่มีความต้องการหมอจึงต้องให้กินฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุลร่างกายให้กลับเป็นสาว แต่ไม่สามารถมีลูกได้
จาก คห.8 แสดงว่าแมวตัวผู้ มีความรักในแมวตัวเมีย ที่ทำหมันแล้ว แต่แมวตัวเมียหมดความต้องการทางเพศไปแล้ว ความทุกข์ใจจึงไปอยู่ที่แมวตัวผู้ ส่วนแมวตัวเมียที่ทำหมันแล้ว จะกลายเป็นแมวที่ เกลียดแมวตัวผู้ไปเลย (อันนี้เกิดกับแมวตัวเมียที่ทำหมันแล้วที่บ้านผมเหมือนกัน) สำหรับ คห.11 ก็น่าพิจารณา แต่ฮอร์โมนไม่น่าที่จะเป็นปัจจัยหลัก ในการทำให้หมดความต้องการทางเพศ เพราะพระอนาคามีทั้งชาย-หญิงฮอร์โมนก็มีปกติ แต่หมดความต้องการทางเพศแบบถาวร (ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า)
ตอนนี้ตีสามกว่า ตื่นมาตั้งใจจะฟังธรรมท่านอาจารย์แต่มีเรื่องในใจจึงเข้ามาสืบค้นกระดานสนทนาค่ะ คือ กำลังคิดจะทำหมันแมวตัวผู้ที่เลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็ก (เพราะมีคนมาปล่อยไว้ 3 ตัว) เลี้ยงจนโตเป็นหนุ่ม นอนด้วยกันกับดิฉันทุกวัน ตอนนี้เริ่มเที่ยวไกลเรียนตามตรงว่ากลัวไปไม่กลับ กลัวไปว่าจะไปซัดเซพเนจร ไม่มีใครดูแล เพราะเมื่อวันที่ 29 เดือนที่แล้ว ไปราชการกลับมา แมวตัวเมียที่เลี้ยงไว้ (มีคนเอามาปล่อยพร้อมกับแมวตัวผู้ตั้งแต่เล็ก) ได้หายไป ตามหาอยู่จนทุกวันนี้ สงสาร ไม่รู้ไปกินไปนอนที่ไหนหรือโดนทำร้ายหรือไม่ สำหรับตัวผู้นอนมองดูอยู่ก็สงสาร กลัวเอาไปทำแล้วเขาจะเจ็บและไม่ได้ใช้ชีวิตตามวัย ตามประเภทชีวิตสัตว์ของเขา ตัดสินใจไม่ถูกเลย... (และเมื่ออ่านเรื่องเกี่ยวกับทำหมันสัตว์ทั้ง 3 กระทู้ที่ค้นจากกระดานสนทนาก็ยังตัดสินใจไม่ได้)
ทีติดใจสงสัยคือตำตอบของคุณแล้วเจอกัน.....
"สัตว์ทั้งหลายผู้ใคร่ความสุขด้วยท่อนไม้"
หมายความว่าอย่างไรค่ะ