ทางแก้วิกฤต(ความเสื่อมอย่างหนัก) คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ

 
khampan.a
วันที่  24 เม.ย. 2561
หมายเลข  29683
อ่าน  1,940

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่ห้องประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
วันอังคารที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๑

-------------------






~ วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราชาวพุทธจะได้พบกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจความจริง เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงซึ่งเป็นประโยชน์แก่ชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหน ถ้าได้เข้าใจธรรมคือคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแล้วก็จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ แต่ให้ทราบว่าทุกปัญหาที่เกิดเพราะความไม่รู้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนทั้งนั้น และในใจของแต่ละคนก็มีปัญหา เพราะฉะนั้น วิกฤต (ความเสื่อมอย่างหนัก) ของทุกคน ของแต่ละคนรวมไปถึงวิกฤตของประเทศชาติ เพราะไม่เข้าใจธรรม

~ ต้องรู้ว่าเหตุมาจากอะไรที่วิกฤต คือ เพราะไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้นจะแก้วิกฤตได้ ก็ต่อเมื่อเริ่มเห็นประโยชน์และเข้าใจธรรม และรู้คุณค่าว่า วิกฤตทั้งหมดมาจากความไม่รู้ แต่ผู้รู้ (คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ได้ทรงแสดงธรรมให้รู้ให้เข้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นเหตุให้วิกฤตถ้าได้เข้าใจธรรมของพระองค์

~ ผู้ที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ผู้ที่เข้าใจธรรม

~ ถ้าเข้าใจธรรมเมื่อไหร่ ก็เห็นพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อนั้น ตามลำดับขั้นของความเข้าใจ ถ้าเข้าใจน้อยก็รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อย ถ้าเข้าใจธรรมมากก็รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้น จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยไม่เข้าใจธรรม เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

~ แต่ละคนสามารถเข้าใจธรรมได้ เพราะธรรมสำหรับทุกคน ไม่ใช่ผู้หนึ่งผู้ใด

~ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมจริงๆ จะรู้จักภิกษุไหม จะรู้จักวัดไหม เพราะว่าภิกษุคือผู้ที่ต่างจากคฤหัสถ์เมื่อได้ฟังพระธรรมเข้าใจแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่บวช

~ ภิกษุ คือ ผู้ที่ขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าคฤหัสถ์ ก็สามารถเข้าใจธรรมได้ และความเข้าใจธรรม ขัดเกลากิเลส ไม่มีใครขัดเกลากิเลสโดยที่ไม่เข้าใจธรรม

~ ภิกษุต้องเป็นผู้ที่ไม่กล่าวคำผิดจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ทางแก้วิกฤตมีทางเดียว คือ ยากไหมที่จะฟังพระธรรมให้เข้าใจ

~ อีกไม่นานทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป จะช้าหรือจะเร็ว แต่ว่าจะเป็นคนดีหรือเปล่า จะเข้าใจธรรมไหม จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กว่าสิ่งใดไหม ก็คือว่า ให้คนอื่นมีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูกในพระธรรม

~ แก้วิกฤติหรือทุกปัญหาด้วยความเข้าใจสิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะให้ความจริงได้ละเอียด ตรง ลึกซึ้ง ถูกต้องอย่างพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว

~ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ว่า พระพุทธศาสนาจะเสื่อม เพราะพุทธบริษัท ไม่ใช่เพราะคนอื่นเลยไม่ใช่ เพราะคนต่างชาติต่างศาสนา ชาวพุทธด้วยกัน ถ้าไม่มีการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจก็ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าจะกล่าวว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรือง เพราะพระภิกษุมีเงิน มีรถ นั่นไม่ใช่ความรุ่งเรืองเลย แต่เป็นความเสื่อม

~ พระภิกษุรับเงินทอง ได้ไหม? ถ้าใครตอบไม่ได้ เขาไม่ได้เข้าใจพระธรรมวินัย เพราะว่า ข้อความในพระไตรปิฎก ชัดเจนว่า บรรพชิตต่างจากคฤหัสถ์ ผู้ที่สามารถจะบวชเป็นพระภิกษุได้ ต้องเป็นผู้ที่สะสมอัธยาศัยใหญ่ที่เห็นภัยของสังสารวัฏฏ์ เพราะเหตุว่า แม้เป็นคฤหัสถ์ก็สามารถฟังธรรมเข้าใจได้ ใครก็ได้ที่ฟังธรรมด้วยความไตร่ตรองก็สามารถที่จะเข้าใจได้ แต่ถ้าฟังโดยไม่ไตร่ตรอง ไม่ใคร่ครวญ ก็คลาดเคลื่อน ไม่ตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

~ พระภิกษุรับเงินทองไม่ได้ และ ไม่ยินดีในเงินและทอง เพราะอะไร เพราะว่าก่อนเป็นภิกษุมีเงินมีทอง เป็นชีวิตของคฤหัสถ์ แต่ก็สละทั้งหมด เพราะเห็นประโยชน์ของการที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้น เพศบรรพชิตจะเหมือนกับเพศคฤหัสถ์ไม่ได้เลยโดยประการทั้งปวง

~ คฤหัสถ์ในสมัยพุทธกาลรู้แจ้งอริยสัจจธรรม แต่ภิกษุที่ไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมก็มี นี่แสดงว่าปัญญาความเห็นถูกความเข้าใจถูก ไม่ได้จำกัดเพศ ไม่ว่าใครก็ตามที่สะสมความเข้าใจมาได้ฟังพระธรรมก็จะเพิ่มความเข้าใจขึ้น และก็เพิ่มความเคารพบูชาในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น เพราะได้เข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็เคารพไม่ถูก บูชาไม่ถูก

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม คนเข้าใจ รู้ตัวเอง ว่า มีกิเลสมากและกิเลสที่มีมากอย่างนี้ ถ้าไม่มีปัญญาความเข้าใจถูกยิ่งขึ้น จะละกิเลสได้อย่างไร เพราะไม่มีใครสามารถที่จะละกิเลสได้ แต่ว่า ความเห็นที่ถูกต้อง เริ่มเห็นว่า อะไรถูก อะไรผิด นั่นต่างหากที่จะทำให้ค่อยๆ ละกิเลส

~ พระพุทธรูปทุกองค์ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าประเทศไหนจะสร้างพระพุทธรูปสักกี่องค์ ก็ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นแต่เพียงเครื่องให้ระลึกเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าชาวพุทธมีความเข้าใจจริงๆ เราก็จะรู้ได้ว่ามีพระพุทธรูปเพื่อระลึกถึงพระคุณ แตว่าถ้าไม่เข้าใจพระคุณ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระคุณอย่างไร

~ ผู้ที่จะเข้าใจธรรม ต้องมีบารมี (ความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) คือ ความเป็นผู้ตรง (สัจจบารมี) ถูกคือถูก ผิดคือผิด ปัญญาที่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด จะไม่นำพาไปในทางที่ผิด เพราะฉะนั้น ความเข้าใจถูกต่างหาก ที่จะทำให้พฤติกรรมทั้งหลายพ้นจากวิกฤตได้ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจ เอาความไม่รู้ไปแก้ไขอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ให้คนที่เห็นคุณค่าค่อยๆ ไตร่ตรอง ค่อยๆ เข้าใจ และความเข้าใจนั่นแหละ จะทำให้เป็นคนดี เพราะปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์

~ หนทางแก้ไขวิกฤตประการแรก คือ ไม่ให้ภิกษุรับเงินและทอง ถ้าคฤหัสถ์ไม่ให้ พระภิกษุจะเอามาจากไหน และข้อสำคัญ ก็คือ ชีวิตคฤหัสถ์มีกิจธุระการงานมากมายอย่างชาวโลก แต่ก็สามารถศึกษาธรรมได้ เข้าใจธรรมได้ ไม่ทำลายพระวินัย แต่ถ้าเป็นพระภิกษุแล้วไม่เข้าใจธรรม ก็เป็นผู้ทำลายพระวินัย

~ เพราะไม่รู้จึงมีการระดมบวช ตามจำนวนมากมายมหาศาลที่เข้าใจว่ายิ่งบวชมากเท่าไหร่ยิ่งดี ถึงกับเกณฑ์หรือจ้างคนให้มาบวช ไม่มีความสนใจในธรรมเลย ไม่ทราบว่าเอาปริมาณไปทำไม เพราะเหตุว่า ต้องเข้าใจธรรมต่างหาก ไม่ใช่ว่ามีผู้มาบวชเยอะๆ

~ ไม่ว่าจะเป็นนักปราชญ์ประเทศไหน กี่พันปีมาแล้วหรือต่อไปข้างหน้า ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงอย่างทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว

~ การสนทนาธรรมเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะว่าได้มีความเข้าใจจากการที่ได้รับฟังสิ่งซึ่งเราอาจจะคิดไม่ถึง ก็เป็นการสนทนาแลกเปลี่ยน ว่า อะไรถูก อะไรผิด และเป็นผู้ที่ตรง คำใดที่เป็นคำจริง คำนั้นเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คำไม่จริง ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ถ้าพ่อแม่ ไม่ได้เข้าใจธรรมแล้วจะไปให้ลูกเข้าใจจากใคร ถ้าทุกคนเป็นอย่างนี้ คือ หวังให้ลูกหลานเข้าใจธรรม แต่ตัวเองไม่ได้เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เขาจะเข้าใจได้หรือในเมื่อไม่มีใครเข้าใจธรรมที่จะสอนเขา เพราะฉะนั้น พ่อแม่นั่นแหละก็ควรที่จะได้เข้าใจธรรมด้วย มิฉะนั้น ก็หวังเพียงให้ลูกหลานได้เข้าใจ แล้วตัวเองล่ะ? ซึ่งต้องเริ่มต้นจากทุกคน

~ ความไม่รู้นำมาซึ่งความติดข้อง ความติดข้องนำมาซึ่งทุจริตต่างๆ ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด

~ ตราบใดที่ไม่เข้าใจธรรม ตราบนั้นก็ยังคงเป็นวิกฤตต่อไป จะแก้วิกฤตไหม? ไม่ใช่คนอื่นแก้ แต่...แต่ละคนช่วยกัน และเป็นผู้ที่ตรง จริงใจ และมั่นคง ไม่หวั่นไหว ความจริงคือความจริง ความถูกต้องคือความถูกต้อง ธรรมฝ่ายดีคือกุศลธรรมนำมาซึ่งประโยชน์ แต่ธรรมฝ่ายที่ตรงกันข้าม คือ ฝ่ายทุจริต ไม่ดี ก็นำมาซึ่งผลที่ไม่เป็นประโยชน์ ทั้งกับตนเองและผู้อื่นด้วย และไม่ใช่ว่าจะจบชีวิตเพียงชาตินี้ชาติเดียว แต่ว่าจะมีชาติไปอีกนับไม่ถ้วน และก็จะเป็นอย่างนี้แหละตราบใดที่ยังไม่เข้าใจธรรม แต่ชีวิตจะดีขึ้น เพราะความเห็นถูกที่ได้เข้าใจถูกต้อง.


ขอเชิญคลิกฟังบางช่วงบางตอนของการสนทนาที่มีค่ายิ่ง ได้ที่นี่ครับ

วิกฤต (เสื่อมอย่างหนัก) เพราะไม่เข้าใจพระธรรม



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มกร
วันที่ 24 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 25 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
panasda
วันที่ 25 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Nattaya40
วันที่ 24 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ