พระพุทธศาสนา วิกฤติแค่ไหนแล้ว

 
khampan.a
วันที่  7 มี.ค. 2561
หมายเลข  29550
อ่าน  2,157

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
ที่บ้าน ทันตแพทย์หญิง วิภากร พงศ์วรานนท์
วันพุธที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑

~ เห็นประโยชน์ของความดีมากแค่ไหน ถ้าเห็นว่าความดี มีประโยชน์มาก มีหรือที่จะรีรอ (ในการทำความดี) เพราะฉะนั้น ก็เป็นไปตามความเข้าใจทั้งหมด ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

~ ความดีเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย

~ กำลังของอกุศล มากมายมหาศาลแค่ไหน ประมาทไม่ได้เลย ขณะที่กำลังไม่ประมาทชั่วขณะนั้นเท่านั้นที่ไม่ประมาท แต่ขณะต่อไปก็ประมาทแล้ว (ถ้าเป็นอกุศล)

~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ทั้งหลาย จะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจ

~ ไม่ไปทางผิด เพราะทางผิดไม่ทำให้เข้าใจอะไร

~ เราจะประมาทคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เลย ทุกคำ กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาเลย

~ กำลังฟังเข้าใจ ไม่เบื่อแน่

~ การฟังพระธรรม แม้จะเข้าใจไม่มาก ซึ่งก่อนจะรู้ความจริง ถ้าไม่มีความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้แล้วจะถึงความเจริญบริบูรณ์ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น จึงรู้ว่ามีหนทางเดียว ซึ่งไม่ใช่ใครด้วย แต่ความเข้าใจถูกต่างหากที่เกิดขึ้นจากการฟัง มีความเข้าใจ ไตร่ตรอง แม้เพียงเล็กน้อย ค่อยๆ ปรุงแต่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีความเห็นถูกในคำที่ได้ฟังและในสิ่งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้น ขาดการฟังไม่ได้ แม้จะน้อยเหลือเกิน แต่ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดๆ

~ คิดถึงสุนัขที่ตายไปแล้ว ความจริงก็คือคิดถึงสิ่งที่ไม่มี แม้ยังไม่ตาย ก็ไม่มี เพราะเป็นแต่เพียงธรรมที่เกิดแล้วก็ดับไปเท่านั้น

~ ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่มีขณะไหนเลยที่ขาดจิต เพราะเหตุว่า จิตเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด นี่คือความเป็นธรรมดาของธรรม ว่า ต้องเป็นอย่างนี้ ตราบใดที่ไม่ใช่จุติจิตของพระอรหันต์ ทันทีที่จิตนั้นดับ ต้องเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที ตั้งแต่เกิดจนถึงเดี๋ยวนี้ จิตไม่เคยขาดเลยและต่อไปจนถึงตาย แม้ตายไปแล้วก็ไม่ขาดจิต เพราะเมื่อจุติจิตเกิดขึ้นแล้วดับไปก็มีจิตอื่นที่ทำกิจอื่นเกิดสืบต่อทันทีไม่มีระหว่างคั่น (คือ ปฏิสนธิจิต เกิดสืบต่อทันที)

~ เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) แต่ละประเภท ไม่สามารถทำกิจของจิตได้

~ เวทนา (ความรู้สึก) อะไรบ้าง ที่เป็นขันธ์? เวทนาทุกเวทนา เป็นขันธ์ ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดแล้วดับ

~ คฤหัสถ์ที่ไม่เข้าใจธรรม ไม่สามารถดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้

~ ไม่ได้เข้าใจธรรม เพราะไม่ได้เรียน

~ ใครๆ ก็ไม่รู้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ไม่มีใครทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดได้เลย เพราะสิ่งใดที่จะเกิด เกิดเพราะเหตุปัจจัย

~ ทุกข์ เพราะไม่รู้ความจริง เพราะติดข้อง เพราะเข้าใจว่ามีเรา

~ เป็นคฤหัสถ์ ฟังธรรมได้ เข้าใจธรรมได้ ขัดเกลากิเลสได้

~ ประโยชน์ยิ่งใหญ่ คือ ความเข้าใจธรรม ถ้าสามารถเข้าใจได้ ประโยชน์มหาศาล ทั้งตนเองและผู้อื่น

~ มาถึงยุคสมัยที่ชักชวนกันบวช โดยไม่รู้ว่าบวชทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ และบวชเพื่ออะไร ถ้าบวชโดยที่ไม่ศึกษาธรรม ควรบวชไหม? แล้วก่อนบวชเข้าใจธรรม ไหม? ถ้าไม่เข้าใจธรรม ควรบวชไหม? อยู่ดีๆ ไม่รู้อะไรแล้ว ไปบวช ลองคิดดูว่า ทำลายพระพุทธศาสนา ใช่ไหม? เต็มบ้านเต็มเมือง บวชกันทุกปี หรือ อาจจะตลอดปีก็ได้ แล้วชักชวนกันไปบวช เสียเงินเสียทอง

~ ความจริงต้องเป็นความจริง ผู้บวชให้ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ได้เงินหรือเปล่า? (รับเงิน, ได้เงิน) แล้วอย่างนี้หรือคือพระพุทธศาสนา วิกฤติระดับไหน? วิกฤติ จนไม่เหลือ เพราะอะไร เพราะช่วยกันทำลาย ส่งเสริมการทำลาย ถ้าไม่มีการพูดให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ประเทศชาติก็ล่มสลาย เพราะเหตุว่าคุณธรรม ก็ไม่มี มีการทุจริตทุกระดับ มาจากไหน มาจากความไม่รู้ความจริง ว่า อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นสิ่งที่ควร อะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะฉะนั้น เราก็รู้ใช่ไหมว่า "ประเทศชาติและพระศาสนา" ถ้าไม่มีพระศาสนา จะดำรงรักษาความเป็นชาติที่ดีไว้ได้อย่างไร ก็ต้องล่มสลาย เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจธรรม อกุศลก็เจริญ (คือ เกิดมากขึ้น พอกพูนขึ้น) แล้วประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร

~ ถ้าภิกษุผู้รับเงินรับทองเมื่อไหร่ จะต่างอะไรกับคนธรรมดา จะต่างอะไรกับชาวบ้าน จะต่างอะไรกับคฤหัสถ์

~ คนที่บวชโดยไม่เข้าใจธรรม รับเงินและทอง เขาไปอบายแน่นอน

~ เป็นภิกษุ เพื่อขัดเกลากิเลส คำนี้คำเดียว ถ้าเป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส นั่น ไม่ตรงแล้ว ไม่ใช่ภิกษุแล้ว ใครส่งเสริมให้ทำสิ่งที่ผิด นั่นก็คือ ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา

~ ศึกษาธรรมให้เข้าใจ เห็นความต่างกันของเพศคฤหัสถ์กับบรรพชิต มีทางใดที่คฤหัสถ์ซึ่งเป็นพุทธบริษัทได้ฟังธรรมแล้วเข้าใจแล้ว สามารถที่จะเป็นประโยชน์แก่พุทธบริษัทด้วยกัน ก็กระทำทุกอย่างที่จะกระทำได้ ด้วยความหวังดีที่จะดำรงพระพุทธศาสนาต่อไป ไม่อย่างนั้นก็จะมีแต่การทำลาย เพราะเหตุว่า ไม่ได้เข้าใจพระธรรมและพระวินัย.

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ....


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 7 มี.ค. 2561

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์และท่านอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ

อนุโมทนาขอบพระคุณคุณหมอวิภากรและทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nantafongchan
วันที่ 7 มี.ค. 2561

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์และวิทยากรทุกท่าน และกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าภาพคือคุณหมอวิภากรและเพื่อนๆ ที่นำอาหารมาคนละไม้คนละมือ สนทนาธรรมวันนี้ได้ประโยชน์มากมาย และความเข้าใจเรื่องของ ขันธ์๕ ชัดเจนขึ้นอีกตามลำดับค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 7 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 7 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 7 มี.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 12 มี.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ