กระรอกที่เลี้ยงพึ่งเสียชีวิตค่ะ ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

 
bank_mate
วันที่  17 ก.พ. 2561
หมายเลข  29498
อ่าน  2,163

ตอนนี้รู้สึกเศร้าใจมาก กินไม่ได้เลยค่ะ

เราเลี้ยงกระรอกมา 1 ปี เขาป่วยตายไปเพราะเหตุว่าเขาทานเมล็ดทานตะวันเยอะ ทำให้อ้วนและมีไขมันสะสมเยอะเกินไป. ทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานไม่ได้. เมื่อเรารู้ว่าเขาป่วย ก็พยายามพาไปหาหมอทุกที่ ที่เขาว่าหมอเก่ง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจช่วยเขาไว้ได้ เขาเกิดอาการอาเจียนและช็อค จากโลกนี้ไป

เราเสียใจมากที่ไม่เคยพาเขาไปตรวจสุขภาพเลย ทำให้รู้อาการป่วยช้าและช่วยเขาไว้ไม่ทัน เรารักเขามากไม่เคยเลี้ยงไว้ในกรง ปล่อยเล่นอยู่ในห้องงางอาหารอละน้ำดื่มให้ทั้งวัน เมื่อถึงวันที่เขาป่วย เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ดูแลเขาทั้งคืน เรารู้สึกวาาเขาเป็นลูกจริงๆ อยากสอบถามว่าการที่เราทำบุญให้เขา เขาจะได้รับบุญนั้นหรือไม่

และถ้าหากเราอธิฐานจิตให้เขากลับมาเกิดเป็นลูกเราเพื่อที่จะได้ดูแลเขาอย่างดีอีกครั้ง จะเป็นไปได้ไหมคะ? แล้วจะทำใจอย่างไรให้ไม่โศกเศร้าคะ. ตอนนี้จิตตกมาก ร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึงเขาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 17 ก.พ. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามความเป็นจริงของธรรมแล้ว ตายแล้ว เกิดทันที ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ สัตว์โลก มีกรรมเป็นของของตน การเศร้าโศกเสียใจ ไม่มีผลต่อการจากไปของผู้ที่ละจากโลกนี้ไปแล้ว มีแต่จะทำให้ตนเอง ผ่ายผอม ซูบซีด เพราะผู้นั้น ก็ไปตามกรรมของตนจริงๆ

สภาพธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ ชีวิตประจำวันจึงไม่พ้นไปจากธรรม ขณะที่เศร้าโศกเสียใจมีจริงๆ เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น บุคคลผู้ที่ยังมีความเศร้าโศกอยู่นั้น ก็เพราะยังมีกิเลส ยังมีความติดข้อง ยินดีพอใจ ยังมีอวิชชาอยู่ จึงต้องมีความเศร้าโศกเป็นธรรมดา เมื่อมีความติดข้อง ผลที่ตามมาคือ ความเศร้าโศกเสียใจ เมื่อสิ่งที่ติดข้องนั้นพลัดพรากจากไป แต่เมื่อได้อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมจะทำให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน และเป็นความจริงที่ว่าขึ้นชื่อว่าสัตว์โลกแล้ว ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อมีชาติ ชราย่อมติดตาม พยาธิก็ครอบงำและท้ายที่สุดก็ถูกมรณะคือความตายห้ำหั่น ไม่มีใครรอดพ้นได้เลย

จากกรณีการตายของสัตว์อื่น ของคนอื่น ก็สามารถพิจารณาได้ว่า ในที่สุดเราก็จะตายเหมือนกัน ไม่ใช่ตายแต่คนอื่น ก็จะเป็นเครื่องเตือนใจตนเองอยู่เสมอ เพื่อเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทกำลังของอกุศล และไม่ประมาทในการเจริญกุศล ซึ่งรวมถึงการอบรมเจริญปัญญาเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย เพราะเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตในภพนี้ชาตินี้มาถึง ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตาย

ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งในชีวิตอย่างแท้จริง

- ประเด็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศล นั้น เมื่อได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาไปเกิดในภพภูมิใด สารถรับรู้แล้วเกิดกุศลจิตหรือไม่

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

ไฉนจึงต้องอุทิศ (บุญ) เจาะจง เปรตจึงได้รับบุญ อนุโมทนาเอาเองเลยไม่ได้หรือ

-สัตว์โลก ตายแล้วเกิด ไปตามกรรมของตน ถ้ากุศลกรรมนำเกิด ก็เกิดในสุคติภูมิ ถ้าอกุศลกรรม นำเกิด ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังต้องมีการเกิดอีก สังสารวัฏฏ์ยังต้องเป็นไปอีก ทั้งหมดคือธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 19 ก.พ. 2561

ไม่ว่าคนหรือสัตว์เกิดมาแล้วก็ต้องตายหนีไม่พ้น เป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการโดยเฉพาะการอบรมปัญญาด้วยการฟังธรรมะเพื่อเข้าใจเพราะปัญญาจะไม่ทำให้ทุกข์ใจเลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 10 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ