ผู้อบรมเจริญปัญญาในเพศคฤหัสถ์

 
ฉีฟ่งจื้อ
วันที่  16 ม.ค. 2561
หมายเลข  29418
อ่าน  840

เรียน ท่านวิทยากร

ขอเรียนถามว่าในพระไตรปิฎกมีหลักฐานไหมครับว่านางวิสาขา พระเจ้าพิมพิสาร นางสิริมา ในอดีตชาติเคยบวชเป็นภิกษุและภิกษุณีหรือว่าท่านเหล่านั้นได้อบรมในเพศคฤหัสถ์ตลอด และการที่จะอบรมเจริญปัญญา เราจะตั้งความปรารถนาว่าจะขอบรรลุมรรคผลใดมรรคผลหนึ่งในเพศคฤหัสถ์ได้ไหมครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ม.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ได้มีหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลเหล่านั้นเคยบวชเป็นพระภิกษุ พระภิกษุณีหรือไม่ แต่ ถ้าเป็นผู้ตรง ตามความเป็นจริงแล้ว ปัญญาย่อมเกิดได้ ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใด จะเห็นได้จากตัวอย่างในพระไตรปิฎกที่สามารถเกิดปัญญาบรรลุธรรมทั้งเพศบรรพชิตและคฤหัสถ์และท่านเหล่านั้่น ก็ต้องเคยสะสมอบรมปัญญามาในอดีตชาติ และก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตั้งอธิษฐานในเพศบรรพชิตในอดีตชาติที่จะบรรรลุ แม้คฤหัสถ์ ผู้ปรารถนาความเป็นผู้เลิศ ทำกุศลกับพระพุทธเจ้าในเพศคฤหัสถ์ ก็น้อมจิต อธิษฐานบารมีด้วยกุศล ให้เป็นผู้เลิศในด้านต่างๆ ในอนาคตกาล เพราะฉะนั้น สำคัญที่หนทางการอบรมปัญญาที่ถูกต้อง การฟังพระธรรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาเป็นอย่างยิ่ง จากที่ไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ ก็จะค่อยๆ มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้น และที่เข้าใจนี้ ก็เข้าใจในสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน สะสมความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม มีความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมมากขึ้น ก็ทำให้มีการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา และที่สำคัญ เป็นเรื่องของปัญญาความเข้าใจถูก เห็นถูกจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เพราะสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ย่อมรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง เพราะถ้าไม่เริ่มต้นจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจแล้ว ไม่สามารถที่จะเป็นนักรบที่ยิงไกล ยิงไวได้เลย จะต้องอาศัยความอดทนความเพียร และมีความจริงใจในการฟังในการศึกษาอย่างแท้จริง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ม.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีความละเอียดลึกซึ้งยากที่จะตรัสรู้ตามได้ เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ต้องใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ และเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ในการประกาศพระศาสนาของพระองค์นั้น ก็เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกได้เข้าใจความจริง หลุดพ้นจากทุกข์ หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ตามพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการแสดงพระธรรมของพระองค์ในแต่ละครั้งๆ นั้น มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และพระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นกว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้สะสมการสดับตรับฟังพระธรรม สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนาน ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหนก็ตาม

สิ่งที่จะเป็นโยชน์เกื้อกูล คือ สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม โดยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม จะขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมไม่ได้ ไม่ควรที่จะท้อถอย ยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษา เพราะปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน เพราะฉะนั้น ในแต่ละภพในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องที่ไกลมาก ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้ก็ต้องมีวันนี้ คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป ครับ.

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 19 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 20 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ