สนทนาธรรมที่เวียดนามครั้งที่ 11 (3) - ครั้งหนึ่งในสังสารวัฏ

 
kanchana.c
วันที่  8 ม.ค. 2561
หมายเลข  29403
อ่าน  2,716

ครั้งหนึ่งในสังสารวัฏ

ออกเดินทางจากดาลัดกลับมาไซ่ง่อนอีกครั้งตอน 16.35 น. ของวันที่ 5 ม.ค. 2561 ด้วยสายการบิน Vietjet ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ท่านอาจารย์ก็สนทนาธรรมกับคุณซาราห์และคุณโจนาธาน คุณซาราห์ถือไมโครโฟนอัดเสียงการสนทนาตามปกติที่เคยทำ มีชาวต่างชาติคนหนึ่งเป็นชาวตะวันตก เดาไม่ออกว่าเป็นชาติใดเข้ามาสนทนาด้วย เมื่อทราบว่า ชีวิตคือเห็น ได้ยิน คิดนึกแต่ละขณะก็สนใจ แต่ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องพอดี คุณวรรณีผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก็มอบนามบัตรของ มศพ. ให้ ถ้าเคยทำบุญไว้ก่อน ก็คงจะสืบหาจนได้ฟังต่อไป

วันรุ่งขึ้นมีสหายธรรมกลับกรุงเทพ ฯ ก่อน 5 คน ก่อนหน้านี้คุณพนิดาก็กลับไปก่อนตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. แล้ว 1 คน คราวนี้น้องชิชิ (ดช. อชิรวิชญ์ วาทีกานท์) หลานชายวัย 10 ขวบของคุณซุง จันทนา ส่องแสงจินดา ขวัญใจของตา ยาย ลุงป้าทั้งหลายก็กลับไปพร้อมกับนำความน่ารักสดใสกลับไปด้วย แต่ตายายยังจำได้ถึงความเฉลียวฉลาดของชิชิที่เข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีทั้งฟังและพูดโต้ตอบ เพราะคุณแม่ (คุณธนัญญา วาทีกานท์) พูดให้ฟังตั้งแต่อายุขวบกว่าก่อนพูดภาษาไทยได้ ชิชิไปฟังการสนทนาธรรมด้วย แล้วมาเล่าให้คุณตาสงบฟังว่า “ทุกอย่างเกิดเพราะเหตุปัจจัย บังคับไม่ได้” นอกจากฟังธรรมเข้าใจแล้ว ยังมีกุศลจิตช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะท่านอาจารย์ ด้วยการจูงขึ้นลงบันได โดยไม่ต้องมีใครบอกเลย ท่านอาจารย์บอกว่าให้เขาเกิดกุศลจิต จะได้เป็นปัจจัยให้ได้ทำกุศลยิ่งขึ้นด้วยการฟังพระธรรม มาคราวนี้ชิชิได้ประโยชน์มาก เพราะได้ขอเวลาสนทนาธรรมส่วนตัวกับท่านอาจารย์เป็นเวลาเกือบชั่วโมง และแก้ปัญหาความกลัวต้นไม้บางชนิดของชิชิได้

มีคนมาร่วมฟังการสนทนาธรรมทั้ง 2 วันอย่างหนาแน่น มีคำถามเรื่องเห็นเกิดดับอย่างไร เรื่องสภาพธรรมที่เกิดดับเป็นทุกข์อย่างไร คุณซาราห์ถาม ด.ญ. เชฟ วัย 9 ขวบ ลูกสาวของคุณมายและคุณเซินว่า เห็นเกิดดับไหม เห็นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข เด็กก็ตอบได้ ท่านอาจารย์บอกว่า ไม่ยากที่จะพูดตาม แต่ยากที่จะเข้าใจ ทุกคนฟังแล้วพูดตามได้ แต่เข้าใจเห็นแค่ไหน? เข้าใจไหมว่า เห็นเป็นธรรมทำกิจเห็นแล้วก็ดับทันที เพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ไม่ใช่เห็นคนหรือเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยมีจักขุปสาทรูป แสง และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เป็นปัจจัยให้เห็นเกิดขึ้น ทั้งหมดเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครทำให้เห็นเกิดได้ เพียงหลับตาก็ไม่เห็นแล้ว เห็นเดี๋ยวนี้กับเห็นเมื่อวานนี้ก็ไม่เหมือนกัน เห็นเดี๋ยวนี้กับเห็นเมื่อขณะก่อนก็ไม่เหมือนกัน เห็นเกิดแล้วดับทันที จะหาความเป็นเราจากสิ่งที่ดับไปแล้ว หมดแล้ว ไม่เหลือแล้วจากที่ไหน? เห็นจึงไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราเห็น หรือใครเห็น เห็นเป็นเห็น ที่รู้ว่าเห็นอะไรนั้นไม่ใช่ขณะเห็น เพียงเห็นขณะเดียวจะไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เพราะเห็นเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว จีงปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐาน เป็นเครื่องหมายให้รู้ได้ ที่เรียกว่า “นิมิต” และสมมติให้รู้ร่วมกันว่าเป็นอะไร เช่น เป็นพระจันทร์ แม่น้ำ ที่รู้ว่าเห็นอะไรนั้นเป็นความคิดนึกที่เกิดต่อจากเห็น ใครจะห้ามไม่ให้คิด ไม่ให้รู้ว่าเป็นอะไรนั้นไม่ได้ เพราะเป็นไปตามธรรมชาติของจิตที่เกิดขึ้นทำกิจท่องเที่ยววนเวียนไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางตา ทางใจ เห็นแล้วก็คิดต่อ ถ้าเข้าใจเพิ่มขึ้นก็จะรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้มากยิ่งขึ้น สำหรับตนเองถ้าคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานแล้วด้วยความเสียดายว่า ตอนนั้นเราไม่น่าจะทำอย่างนั้นเลย บางครั้งก็จะนึกได้ว่า ผ่านไปแล้ว หมดไปแล้ว ไม่กลับมาให้แก้ไขได้อีกแล้ว สิ่งนั้นๆ ไม่มีแล้ว มีแต่ความคิดที่ก็เกิดแล้วดับ ไม่เหลืออีกเช่นกัน ซึ่งกว่าจะนึกได้อย่างนี้ก็เกิดความขุ่นเคืองใจเสียมากมาย ก็แสดงว่าความเข้าใจธรรมยังน้อยมาก ต้องฟังและพิจารณาต่อไป

อีกคำถามหนึ่งว่า ที่บอกว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง แล้วพระจันทร์ แม่น้ำเที่ยงไหม ท่านอาจารย์ถามว่า ถ้าไม่มีอะไรปรากฏเลย จะมีพระจันทร์ไหม ถ้าไม่เห็นจะมีพระจันทร์ไหม ที่มีพระจันทร์นั้นเพราะเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แล้วสมมติเรียกว่า พระจันทร์ พระจันทร์เป็นบัญญัติ เป็นชื่อ ไม่ใช่สภาพธรรมที่มีจริง จึงไม่เกิดดับ ที่มีพระจันทร์เพราะคิด สภาพคิดมีจริง เป็นธรรม เป็นอนัตตา แต่เรื่องราวที่คิดเป็นบัญญัติ

มาคราวนี้ท่านอาจารย์อธิบายธรรมแต่ละคำอย่างละเอียด เช่น ธรรม นามธรรม รูปธรรม ขันธ์ ปรมัตถธรรม จิต เจตสิก รูป มีคำถามมากมายที่แสดงความสนใจสภาพธรรม ไม่ใช่เรื่องราว จนเลยเวลาในช่วงสุดท้าย หลายคนขึ้นเวทีไปกราบท่านอาจารย์ ถ่ายภาพ มอบของที่ระลึก (ดีที่ได้ตกลงกันไว้แล้วว่า กรุณานึกถึงว่าต้องขนกลับเมืองไทย ควรคิดถึงน้ำหนักและขนาดด้วย)


คุณตั้ม บัค ประกาศอีกครั้งว่า ของขวัญที่ท่านอาจารย์ต้องการ คือความเข้าใจพระธรรมของทุกคน คราวนี้เลยมีแต่ซอง ซึ่งท่านอาจารย์ได้มอบให้ชมรมบ้านธัมมะเวียดนามทั้งหมด โดยไม่ทราบจำนวน เพื่อใช้ในการเผยแพร่พระธรรมทั้งพิมพ์หนังสือ จัดสนทนาธรรมแต่ละครั้ง และมีสหายธรรมจากเมืองไทยร่วมบริจาคสมทบด้วย เพราะเห็นประโยชน์ของการเผยแพร่พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กว้างขวางออกไป พระธรรมยิ่งเผยแพร่ ยิ่งรุ่งเรือง

แต่ละขณะเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่แล้วก็ดับไป หมดไป ไม่ย้อนกลับมาอีกเลย จนถึงขณะสุดท้ายของการสนทนาธรรมช่วงที่ 2 ที่ไซ่ง่อนก็จบลงด้วยความปีติโสมนัสที่ได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นของตนเองและผู้ร่วมสนทนา เป็นอีกครั้งหนึ่งในสังสารวัฏที่ได้เดินทางมาช่วยสนับสนุนการเจริญกุศลของท่านอาจารย์ด้วยการรายงานข่าวและรับใช้เล็กๆ น้อยๆ เท่าที่สามารถจะทำได้ ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ คุณตั้ม บัค คุณซาราห์ และคุณจอน ที่ช่วยกันเผยแพร่ความเห็นถูกให้กว้างขวางออกไปทั่วทั้งเวียดนาม และที่อื่นๆ ที่มีคนสนใจ

อนุโมทนาทีมงานหนุ่มสาวเวียดนามที่แข็งขันช่วยกันแปล พิมพ์ ถ่ายทอดสด และอื่นๆ รวมทั้งทีมงานคนไทยที่ไปร่วมเจริญกุศลทุกครั้ง คุณพี่สุมน น้องสาวท่านอาจารย์ที่ร่วมเดินทางไปเป็นเพื่อนแทนคุณพี่สุจิตต์ คุณมารศรี ทำหน้าที่เลขา ติดต่อประสานระหว่างประเทศ รวมทั้งช่วยคุณยุพินถ่ายทอดสด คุณวรรณี อ.กุลวิไล อ.สงบ ทำหน้าที่ช่างภาพร่วมกับคุณพนิดา ท่านนพดล ช่วยดูแลความปลอดภัย คุณป้อมมณี คุณวรจินต์ คุณชลชินี คุณยุพิน คุณจิราพร คุณจันทนา คุณธนัญญา และน้องชิชิที่ทำให้การสนทนาธรรมครั้งนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยกุศลจิตของทุกท่าน และบุคคลสำคัญคือคุณวันชัย ภู่งามที่ช่วยใส่ภาพประกอบเรื่องทุกครั้ง รวมทั้ง บันเทิงในธรรม ... ที่ปาย แม่ฮ่องสอนด้วย

ร่ำลากับลูกหลานเวียดนาม แล้วนัดพบกันอีกที่ฮานอยและนินห์บินห์ วันที่ 19 - 29 พ.ค. 61

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ถ้ามีข้อผิดพลาดในการถ่ายทอดธรรม กรุณาชี้แนะทางความคิดเห็นได้ค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
thilda
วันที่ 8 ม.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 9 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 13 ม.ค. 2561

อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เจียมจิต
วันที่ 14 ม.ค. 2561

กราบขอบพระคุณในกุศลเกื้อกูลแบ่งปัน

อนุโมทนาค่ะ

อีกคำถามหนึ่งว่า ที่บอกว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง แล้วพระจันทร์ แม่น้ำเที่ยงไหม ท่านอาจารย์ถามว่า ถ้าไม่มีอะไรปรากฏเลย จะมีพระจันทร์ไหม? ถ้าไม่เห็นจะมีพระจันทร์ไหม? ที่มีพระจันทร์นั้นเพราะเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แล้วสมมติเรียกว่า พระจันทร์ พระจันทร์เป็นบัญญัติ เป็นชื่อ ไม่ใช่สภาพธรรมที่มีจริง จึงไม่เกิดดับ ที่มีพระจันทร์เพราะคิด สภาพคิดมีจริง เป็นธรรม เป็นอนัตตา แต่เรื่องราวที่คิดเป็นบัญญัติ

กราบขอบพระคุณอย่างสูง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 15 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chvj
วันที่ 17 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Moey_vateekarn
วันที่ 26 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ