ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  25 ก.ค. 2560
หมายเลข  29033
อ่าน  2,741

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อวันจันทร์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้รับเชิญจากบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เพื่อไปสนทนาธรรมที่บริษัท ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่กลุ่มอาคารสำนักงาน SCB Park บริเวณแยกเมเจอร์รัชโยธิน ถนนพหลโยธิน จตุจักร กรุงเทพมหานคร ระหว่างเวลา ๑๑.๔๕ น. - ๑๓.๓๐ น.

การสนทนาธรรม ที่ บริษัท เชฟรอนฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยการประสานงานของคุณตริน พงษ์เภตรา และคณะ คือ คุณสุภาพร หุ่นทรัพย์ คุณวีระดา ธรรมสุนทร คุณวลัยลักษณ์ สุวรรณพงษ์ คุณสันติ เนียมสำโรง คุณเจนสุดา พูนสมบัติ ขออนุโมทนาทุกท่านนะครับ การได้เห็นคนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ที่นอกจากจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีในบริษัทน้ำมันของชาวต่างชาติที่มีความก้าวหน้ามั่นคงแล้ว ยังเป็นผู้มีความสนใจในพระศาสนา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดเหนือทรัพย์ใดในสากลจักรวาลที่บุคคลกำลังแสวงหาอยู่ ทำให้รู้สึกปีติและอนุโมทนา ทั้งในกุศลศรัทธาและในกุศลวิบากอันเลิศที่ทุกท่านได้รับ จากการมีโอกาสได้ฟังและเข้าใจพระธรรม ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีโอกาสเช่นว่านี้ ... ในชีวิต ...

ท่านผู้จัดได้ตั้งหัวข้อการสนทนาในวันนี้ไว้ว่า "มรดกอันล้ำค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ซึ่งท่านอาจารย์ได้สนทนาถึงความละเอียดไว้อย่างไพเราะเหลือประมาณ ทำให้ข้าพเจ้าคิดในขณะที่ฟังอยู่ว่า บุญเหลือเกินที่ได้ตัดสินใจวางงานอื่นๆ ที่คั่งค้างอยู่ไว้ก่อน แล้วเดินทางมาร่วมฟังการสนทนาธรรมในครั้งนี้ หาไม่แล้ว คงไม่มีโอกาสได้ฟังคำที่ท่านอาจารย์ได้เมตตาขยายความละเอียดของคำว่า "มรดกอันล้ำค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ให้ได้ฟังอย่างปีติซาบซึ้ง และจับใจยิ่งนัก ในขณะที่ได้ฟัง

ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนปรารถนาที่จะมีความมั่งคั่ง ร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินเงินทอง จากการทำงานทำการต่างๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การได้มาซึ่งทรัพย์นั้น นอกจากจะได้มาจากการทำงาน การค้าขาย หรือการทำธุรกิจต่างๆ แล้ว หลายท่านยังเป็นผู้ได้รับทรัพย์มรดกจากบิดามารดาที่มอบให้อีกด้วย นอกจากนั้น เรามักพบเห็นบ่อยๆ ในภาพยนตร์ ในละครโทรทัศน์ ที่มีเรื่องราวของการแย่งชิงมรดกของพ่อแม่ปู่ตาย่ายาย ถึงขั้นฆ่ากันตายเลยก็มี ซึ่งก็สร้างขึ้นจากเค้าโครงของชีวิตจริงๆ แต่ทรัพย์หรือมรดกไหนเลย จะมีค่ายิ่งไปกว่าการมีโอกาสได้ฟัง ได้เข้าใจพระธรรม เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีอยู่จริงๆ ในชีวิตทุกๆ ขณะนี้ จากการทรงตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

อันดับต่อไป ขออนุญาตนำความการสนทนาบางตอนที่ท่านอาจารย์ได้แสดงไว้ ที่ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ใน ณ กาลครั้งนี้ มาให้ท่านได้อ่านและพิจารณาช้าๆ ทีละคำ เพื่อความเข้าใจที่มั่นคงขึ้น เช่นเคย ดังนี้

ท่านอาจารย์ การสนทนาธรรมเพื่อที่จะรู้ว่ามีความเข้าใจจริงๆ แม้แต่คำว่า "มรดก" ได้ยินคำว่า "มรดกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" อยากรับไหม? หรือลังเล? จะรับดีหรือไม่รับดี? เพราะว่าไม่ใช่มรดกของใครเลย หามรดกใดเปรียบไม่ได้!! เพราะเหตุว่า เป็นมรดกของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คนรับต้องสามารถรับได้ บางท่านไม่สามารถที่จะรับได้ ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับได้!! เพราะอะไร? เพราะ มรดกนี้ เป็นรัตนะที่ประเสริฐยิ่งกว่ารัตนะใดๆ ทั้งสิ้น มีค่ามหาศาล แต่ว่า มองไม่เห็น ไม่สามารถที่จะรู้ได้ ว่ามรดกนั้น จะเป็นเพชรนิลจินดา หรือว่าจะเป็นอะไรสักอย่าง ที่ดูล้ำค่ามาก แต่ว่า จะรู้ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรม เพราะเหตุว่า มรดกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่คนอื่น ไม่สามารถที่จะมีได้ แม้ว่าจะเป็นคำของพระองค์ แต่คนอื่นกล่าวไม่ได้ ไม่มีทางเลยที่จะพูดคำของพระองค์ได้ เพราะความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้น แต่ละคำ มีความหมายลึกซึ้งอย่างยิ่ง พร้อมจะรับไหม? เห็นไหม? มรดกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ง่าย แต่ว่า ถ้าได้รับแล้ว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับในชาตินี้ และในชาติต่อๆ ไป ในสังสารวัฎ!!!

เพราะฉะนั้น ล้ำค่าจริงๆ เพราะเหตุว่า บางคนไม่มีโอกาสที่จะได้ฟัง "คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เลย!! ฟัง "คำของคนอื่น" นี่ฟังมาก!! ตั้งแต่เด็กก็ฟังคำของครู แล้วก็โตขึ้น เข้ามหาวิทยาลัย ฟังคำครูบาอาจารย์ หลังจากนั้นก็ยังแสวงหาคำอื่นๆ จากหนังสืออื่นๆ และคนอื่นๆ ทั้งหมด!! ซึ่งไม่ใช่คำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า!! ซึ่งเป็นคำที่ พอได้ฟัง ก็เข้าใจได้ ใช่ไหม? ในภาษาของเรา เราได้ยินคำอะไร เราก็เข้าใจได้!!

เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องคิดไตร่ตรอง พร้อมที่จะรับมรดกไหม? ถ้ารับ ต้องเป็นคนที่อดทน เพราะว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ง่าย สักคำเดียว!! คำเดียวก็ไม่ง่าย!! และเราก็ "พูดคำที่เราไม่รู้จัก" ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกชาติ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า!!!

ห็นไหม? มรดกนี้ ล้ำค่า!! แต่ยากและลึกซึ้ง!! แต่ว่า รับได้!! จากการที่ว่าไม่เคยคิดว่าจะมีใคร ที่สามารถที่จะทำให้สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้เกิดได้ นั่นคือ "ปัญญา" ความเห็นที่ถูกต้องในสิ่งที่มี ตั้งแต่เกิดจนตาย

ในครั้งโน้น ผู้ที่เกิด มีชีวิตอยู่ในพระนครสาวัตถีหรือที่ไหนก็ตาม คนที่ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มี!! คนที่ไม่ไป ก็มี!! ก็แสดงให้เห็นความหลากหลายว่า ไม่ใช่ทุกคนจะไป ที่จะได้รับมรดก จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า!! คนเหล่านั้นได้ทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับที่ไหน เขาไปหา ไม่ได้เมินเฉยเลย ไปหาเพื่ออะไร? ได้ฟังคำ!! ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถึงไม่ใช่พระนครสาวัตถี ไม่ใช่พาราณสี

เพราะฉะนั้น การเข้าไปใกล้ ไม่ใช่เพียงแต่ไปเห็น เพราะเหตุว่า คนที่พระนครสาวัตถีเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเสด็จบิณฑบาต แต่ไม่เข้าใจ เพียงผ่าน เพียงพบ แต่เข้าไปใกล้ เพื่อได้ยินได้ฟัง "คำ" ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต!!!

เพราะฉะนั้น แต่ละคำ เป็นคำที่ลึกซึ้ง ถ้าไม่เข้าใจ ไม่ไตร่ตรอง จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย!!! พิสูจน์ได้เลย เคยได้ยินได้ฟังคำว่า "ธรรมะ" ใช่ไหม? พระรัตนตรัยมี ๓ คือ พระพุทธรัตนะ ๑ พระธรรมรัตนะ ๑ พระสังฆรัตนะ ๑ สำหรับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงได้ฟังว่า เป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุด เหนือบุคคลใด ไม่มีใครเปรียบได้เลยในสากลจักรวาล ฟังแล้วเหมือนเหลือเชื่อ!! แม้เทวดาและพรหมก็ยังต้องมาเฝ้านมัสการ กราบทูลถามปัญหา แสดงให้เห็นว่า ใครจะมีปัญญามากมายสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่พอรู้ว่ามีผู้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่คิดว่าตนเองรู้ ก็ยังรู้สึกตัวว่า ไม่รู้!! จึงได้มาเฝ้า แล้วก็ทูลถามปัญหาต่างๆ

เพราะฉะนั้น เราได้ยินเพียงแค่นี้ ยังไม่รู้เลยว่า ตรัสรู้อะไร? สอนว่าอะไร? แต่ก็กราบไหว้บูชา!! ชาวพุทธทุกคนก็คงจะเคยได้กราบไหว้พระพุทธรูป แต่ว่า ยังไม่ได้ฟัง "คำของพระองค์" เพียงแต่ว่า นี่แหละ ผู้นี้แหละเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งความจริง รูปใดๆ ไม่ว่าพระพุทธรูปจะกี่รูปในสากลจักรวาลก็ตาม ไม่ใช่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ

เพราะเหตุว่า พระพุทธรูปไหนจะมีพระปุริสลักษณะซึ่งเสมอเหมือนกับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า!!! แม้แต่พระเนตรของพระองค์ ก็ไม่มีใครที่จะเปรียบได้เลย ทุกอย่างหมดเลย นี่แสดงให้เห็นถึง แม้แต่ในรูปร่างกาย ก็ต่างกับคนอื่นทั่วไป แล้ว "คำของพระองค์" ซึ่งได้เกิดจากการที่ได้ตรัสรู้ จะประเสริฐกว่านั้นสักแค่ไหน!!!

เพราะฉะนั้น สำหรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แล้วก็ตรงแสดงพระธรรมที่ได้ทรงตรัสรู้แล้ว เพื่อให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย เป็นพระมหากรุณาอย่างยิ่ง มิฉะนั้นแล้ว โลกมืดไปตลอด เพราะเหตุว่า ไม่มีแสงสว่างที่จะทำให้ "เข้าใจสิ่งที่กำลังมี" ได้เลย!!

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เห็นพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพในการศึกษา เพราะรู้ว่า เราเป็นใคร พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นใคร ห่างกันเปรียบไม่ได้เลย ถ้าเราอยู่ที่พื้นเป็นฝุ่นละออง พระองค์ก็เหนือฟ้า สุดที่จะประมาณได้!! เพราะฉะนั้น คำแต่ละคำ คิดว่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ หรือ? ถ้าเป็นคำที่เราเคยได้ฟังแล้ว ธรรมดา เข้าใจได้ ถึงแม้ชาวโลกจะศึกษาวิชาการสักเท่าไหร่ก็ตาม คนอื่นก็ยังศึกษาตามได้ มีความเข้าใจเพียงเท่านั้น แต่ "คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" แต่ละคำ ต้องไตร่ตรอง และเป็นผู้ "ตรงต่อความจริง" เป็นผู้ที่ "มีเหตุผล"

เพราะเหตุว่า สิ่งที่มีจริง เรารู้เราเข้าใจสักเท่าไหร่ วิชาการอื่นๆ ใดๆ ทั้งสิ้น ความรู้นั้น เปรียบไม่ได้กับความเข้าใจทุกสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า!!

เพราะฉะนั้น แต่ละคำ เป็นคำที่ควรเคารพในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะต้องศึกษา และไม่ใช่เชื่อ (แต่) ไตร่ตรอง จากการไม่รู้ เป็นความรู้ของตัวเองขึ้น นี่คือ มรดก!! จะรับไหม? ถ้ารับ ก็คือ เริ่มฟังพระธรรม ไม่ใช่คำของคนอื่น เพราะคำของคนอื่นตอบอะไรไม่ได้!! ตอบไปไม่ได้กี่ประโยคก็ไม่รู้แล้ว ไม่รู้แล้ว!!

แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ จะลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผู้นั้นสามารถที่จะค่อยๆ เห็นความลึกซึ้งของพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งไม่สามารถที่จะประมาณได้ หรือคิดได้เลย!!

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณตริน พงษ์เภตราและคณะพนักงานของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

... ... ...

ขอเชิญคลิกชมบันทึกวีดีโอการสนทนาย้อนหลังได้ที่นี่ ... ..


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วิราม
วันที่ 26 ก.ค. 2560

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 26 ก.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 26 ก.ค. 2560

"เพราะฉะนั้น แต่ละคำ เป็นคำที่ควรเคารพในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะต้องศึกษา และไม่ใช่เชื่อ (แต่) ไตร่ตรอง จากการไม่รู้ เป็นความรู้ของตัวเองขึ้น"
"แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ จะลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผู้นั้นสามารถที่จะค่อยๆ เห็นความลึกซึ้งของพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งไม่สามารถที่จะประมาณได้ หรือคิดได้เลย!!"

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 27 ก.ค. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wirat.k
วันที่ 29 ก.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Noparat
วันที่ 31 ก.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 5 ส.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
papon
วันที่ 9 ส.ค. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chvj
วันที่ 16 ส.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ