วรรคที่ ๒ ว่าด้วยมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฏฐิ ... วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๐

 
มศพ.
วันที่  12 มิ.ย. 2560
หมายเลข  28906
อ่าน  1,289

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๐
เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

วรรคที่ ๒
(ว่าด้วยมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฏฐิ)

จาก

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๘๓

...นำสนทนาโดย...

อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๘๓

วรรคที่ ๒

(ว่าด้วยมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฏฐิ)

[๑๘๗] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก.


[๑๘๘] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ ข้อหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์ เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์.

[๑๘๙] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑ สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเลวทราม ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมล็ดสะเดาก็ดี เมล็ดบวบขมก็ดี เมล็ดน้ำเต้าขมก็ดี บุคคลหมกไว้ในดินที่ชุ่มชื้น รสดิน รสน้ำที่มันถือเอาทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของขม เพื่อเผ็ดร้อน เพื่อไม่น่ายินดี ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพืชเลว ฉันใด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑ สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเลวทราม ฉันนั้น เหมือนกันแล.


[๑๙๐] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทาน ให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑ สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นชอบ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไป เพื่อผลที่น่าปารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเจริญ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพันธุ์อ้อยก็ดี พันธุ์ข้าวสาลีก็ดี พันธุ์ผลจันทน์ก็ดี บุคคลหมกไว้ในดินที่ชุ่มชื่น รสดิน รสน้ำที่มันถือเอาทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของหวาน น่ายินดี น่าชื่นใจ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพืชพันธุ์ดี ฉันใด กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑ สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นชอบ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิ เจริญ ฉันนั้นเหมือนกันแล.

จบวรรคที่ ๒



อรรถกถา (นำมาเพียงบางส่วน)
ในบทว่า สมฺมาทิฏฺฐิยา สมนฺนาคตา นี้ พึงทราบวินิจฉัย ดังนี้ :-

สัมมาทิฏฐิมี ๕ อย่าง คือ กัมมัสสกตสัมมาทิฏฐิ ฌานสัมมาทิฏฐิ วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ มัคคสัมมาทิฏฐิ ผลสัมมาทิฏฐิ. ในสัมมาทิฏฐิ ๕ อย่างนั้น กัมมัสสกตสัมมาทิฏฐิ ย่อมชักมาซึ่งสัมปัตติภพ (สุคติโลกสวรรค์) . ฌานสัมมาทิฏฐิ ย่อมให้ปฏิสนธิในรูปภพ. มัคคสัมมาทิฏฐิ ย่อมกำจัดวัฏฏะ. ผลสัมมาทิฏฐิ ย่อมห้ามภพ.

ถามว่า วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ ทำอะไร
ตอบว่า แม้วิปัสสนาสัมมาทิฏฐินั้น ก็ไม่ชักมาซึ่งปฏิสนธิ.
ส่วนพระติปิฎกจูฬอภัยเถระกล่าวว่า ถ้าวิปัสสนาสัมมาทิฏฐิที่อบรมไว้แล้ว อาจให้บรรลุพระอรหัตในปัจจุบันได้ไซร้ ข้อนั้นก็เป็นการดี ถ้าไม่อาจให้บรรลุพระอรหัตได้ไซร้ ก็ยังให้ปฏิสนธิในภพ ๗ ภพได้ ผู้มีอายุ. ท่านกล่าวถึงสัมมาทิฏฐิอันเป็นโลกิยะและโลกุตระนี้ไว้อย่างนี้. ก็ในเนื้อความดังกล่าวนี้ พึงทราบสัมมาทิฏฐิอันเป็นโลกิยะซึ่งให้สำเร็จในภพเท่านั้น.

พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า ยญฺเจว กายกมฺมํ ยถาทิฏฺฐิสมตฺตํ สมาทินฺนํ ดังต่อไปนี้ :- บทว่า ยถาทิฏฐิ ได้แก่ ตามสมควรแก่ทิฏฐิ นั้น. บทว่า สมตฺตํ แปลว่า บริบูรณ์. บทว่า สมาทินฺนํ แปลว่า ถือเอาแล้ว. กายกรรมนั่นนั้นมี ๓ อย่าง คือ กายกรรมที่ตั้งอยู่ตามทิฏฐิ ๑ กายกรรมที่เกิดพร้อมกับทิฏฐิ ๑ กายกรรมที่อนุโลมทิฏฐิ ๑.

บรรดากายกรรม ๓ อย่างนั้น กายกรรมคือปาณาติบาต อทินนาทานและมิจฉาจาร ของบุคคลผู้มีลัทธิอย่างนี้ว่า เมื่อบุคคลฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ที่เจ้าของไม่ให้ ประพฤติมิจฉาจาร บาปซึ่งมีเหตุมาแต่การกระทำนั้น ไม่มี การให้ผลของบาป ก็ไม่มี นี้ชื่อว่า กายกรรมตั้งอยู่ตามทิฏฐิ.

อนึ่ง กายกรรมที่เกิดพร้อมกับความเห็นนี้แห่งลัทธินี้ที่ว่า เมื่อบุคคลฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ที่เจ้าของไม่ให้ ประพฤติมิจฉาจาร บาปซึ่งมีเหตุมาแต่การกระทำนั้นไม่มี การให้ผลของบาปก็ไม่มี ดังนี้ ชื่อว่า กายกรรมที่เกิดพร้อมกับทิฏฐิ.

กายกรรมนั้นนั่นแหละ ที่บุคคลสมาทานให้บริบูรณ์ ยึดถือ ถูกต้องให้บริบูรณ์ ชื่อว่า กายกรรมอนุโลมทิฏฐิ. แม้ในวจีกรรมเป็นต้น ก็มีนัยนี้เหมือนลัน. ก็ในวจีกรรมนี้ ประกอบความว่า เมื่อบุคคลฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ที่เจ้าของไม่ให้ประพฤติมิจฉาจาร บาปซึ่งมีเหตุมาแต่การกระทำนั้นไม่มี ดังนี้ ฉันใด ในวจีกรรมและมโนกรรมก็ฉันนั้น พึงประกอบความว่า เมื่อบุคคลพูดเท็จ กล่าวคำส่อเสียด กล่าวคำหยาบ กล่าวคำเพ้อเจ้อ บาปซึ่งมีเหตุมาแต่การพูดนั้นไม่มี เมื่อบุคคล มีอภิชฌาคือความเพ่งเล็ง มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด บาปซึ่งมีเหตุแต่วจีทุจริตและมโนทุจริตไม่มี ดังนี้.

ก็ในบทว่า ยา เจตนา ดังนี้เป็นต้น เจตนาที่เกิดพร้อมกับทิฏฐิ ชื่อว่าเจตนา. ความปรารถนาที่เกิดพร้อมกับทิฏฐิ ชื่อว่า ปัตถนา (ความปรารถนา) . การตั้งจิตไว้ตามเจตนาและความปรารถนา ชื่อว่า ปณิธิ (ความตั้งใจ) . ส่วนธรรมมีผัสสะเป็นต้น ที่ประกอบพร้อมกับเจตนาเป็นต้นเหล่านั้น ชื่อว่า สังขาร (ธรรมอันปัจจัยปรุงแต่ง) .


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 12 มิ.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
วรรคที่ ๒
(ว่าด้วยมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฏฐิ)

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง ว่า ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิ คือ ความเห็นผิดผู้ประกอบด้วยความเห็นผิด ไปเกิดในอบายภูมิ ส่วนธรรมที่เป็นเหตุให้ไปเกิดในสุคติภูมิคือ ความเห็นถูก ผู้ประกอบด้วยความเห็นถูก ไปเกิดในสุคติภูมิ

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่คล้อยตามความเห็นผิด ตลอดจนเจตนา ความปรารถนา ความตั้งใจ และสังขาร ของผู้ที่มีความเห็นผิด ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ

ในทางตรงกันข้าม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่คล้อยตามความเห็นถูกตลอดจนเจตนา ความปรารถนา ความตั้งใจ และสังขาร ของผู้ที่มีความเห็นถูก ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ เท่านั้น.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ


สัมมาทิฏฐิ

มิจฉาทิฏฐิ

มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดจากความเป็นจริงของธรรม

เพราะไม่ได้ฟังธรรม ย่อมเสื่อมรอบ

ความเสื่อมและความเจริญของปัญญา

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ประสาน
วันที่ 13 มิ.ย. 2560

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Tathata
วันที่ 13 มิ.ย. 2560

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 13 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 14 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 16 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 19 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ