อาการแปลกๆ กับการสวดมนต์เพื่อแผ่เมตตา

 
ongonline
วันที่  12 พ.ค. 2560
หมายเลข  28833
อ่าน  16,764

สวดมนต์ บทสวดพระบรมมหาจักรพรรดิ เราก็แผ่เมตตาปรับภพภูมิให้กับเจ้ากรรมนายเวร วิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และ สัมภเวสี ทั้งหลายให้ปรับภพภูมิให้ดีขี้นกว่าเดิม พอเราเอ่ยถึงสัมภเวสีบางครั้งรู้สึกขนลุกบ้าง ได้ยินเสียงหวีดร้องจากนอกหน้าต่างบ้าง สรุปรู้สึกมีอะไรแปลกๆ รอบตัวเรา แบบนี้ใครพอแปลได้บ้างครับว่าเค้ารับส่วนบุญหรอว่ายังไงครับ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 13 พ.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การแผ่เมตตา คือ การที่แผ่เมตตาไปในสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง อันเกิดจากกำลังของการเจริญเมตตาฌานที่มีกำลังถึงอัปนาสมาธิแล้ว ซึ่งเหตุผลที่สำคัญของการเจริญเมตตาที่ได้ฌาน เพื่อถึงความสงบจากกิเลส ที่เป็นอกุศลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเป็นสำคัญ ซึ่งผู้ที่ได้รับการแผ่เมตตา เช่น สัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่จำเป็นจะต้องได้รับผลของการแผ่เมตตาของผู้อื่น เพราะ กุศลของใครก็ของคนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน หากแต่ว่าถ้าผู้ที่ได้รับการแผ่เมตตา สามารถรู้คือ ล่วงรู้ถึงผู้อื่นว่า ผู้ที่กำลังแผ่เมตตามีกุศลจิตที่หวังดีย่อม ย่อมจะเป็นปัจจัยให้บางบุคคล ไม่ใช่ทุกคนคือ เกิดกุศลจิต ที่ผู้อื่นหวังดีก็เกิดจิตเมตตาด้วยเช่นกันก็ได้ แต่ก็ไมได้หมายความว่าทุกคนเมื่อรู้แล้ว จะเกิด กุศลจิต ที่มีเมตตาตอบ ก็แล้วแต่การสะสมของแต่ละบุคคล

เพราะฉะนั้น จะแผ่ได้ ก็จะต้องมีเมตตาที่มีกำลังมาก (ขั้นฌานจิต) จึงจะแผ่ได้ครับ สำหรับปุถุชน อย่างเรา ถ้าแม้แต่กับคนในบ้าน หรือคนที่พบปะเสมอๆ หรือคนที่พบปะบางครั้งบางคราว ที่รู้จักกันบ้าง หรือไม่รู้จักกันบ้าง ในชีวิตประจำวัน เจอแล้วก็ยังเฉยๆ หรือเจอแล้วก็ขุ่นใจ หรือเจอแล้วก็รักใคร่ชอบพอ ก็แสดงว่า เมตตาที่มีนั้น ยังไม่ทั่วไป ไม่สาธารณะแก่สรรพสัตว์ ไม่มีกำลังมากพอที่จะแผ่ออกไปได้ ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงเทวดาครับ เพราะคนใกล้ตัวเราเอง เห็นอยู่ทุกวัน เราก็ยังแผ่ไม่ได้ แต่ว่ามีเมตตาต่อกันได้ โดยไม่ต้องรอว่าเมื่อไรจึงควรจะแผ่ ครับ

เจ้ากรรมนายเวร ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมนายเวร ครับ

เวลานี้ใครมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรบ้าง ฟังดูเสมือนว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร แต่ตามความเป็นจริงนั้น ทุกคนเป็นทายาทของกรรมของตนเอง กรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ผลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลดีที่กำลังได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ไม่ใช่บุคคลอื่นบันดาลให้ แต่กุศลที่ผู้นั้นได้กระทำแล้วในอดีตเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัสสิ่งที่ดีๆ

ฉะนั้น เมื่อกุศลให้ผล ก็ทำให้ได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ฉันนั้น ถ้าถูกคนอื่นทำร้าย ก็อาจจะคิดว่าเพราะคนนั้นทำ แต่ถ้าไม่ได้ถูกใครทำร้ายเลย เวลาตกบันไดหรือเจ็บป่วยต่างๆ นั้น ใครทำให้ ขณะที่ถูกก้อนหินหล่นใส่ ก้อนหินเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราหรือไม่ ขณะที่เกิด ที่เป็นผลของกรรม มีเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดหรือไม่ หรือว่าเพราะกรรมของเราเองที่ทำไว้ จึงทำให้เกิด ฉะนั้น แต่ละคนจึงมีกรรมของตนเอง เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะทำให้ผลของกรรมเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย

ฉะนั้น เรื่องเจ้ากรรมนายเวร จึงเป็นเรื่องรับฟังต่อๆ กันมา โดยไม่รู้ว่าใครเคยเห็นเจ้ากรรมนายเวรที่ไหน เมื่อไหร่ เพียงแต่นึกว่ามีบุคคลที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เป็นทุกข์เดือดร้อนต่างๆ แต่ความจริงนั้น ทุกคนมีกรรมเป็นของของตนเอง ครับ

คำว่า สัมภเวสี แปลว่า ผู้แสวงหาการเกิด หมายความว่า เป็นผู้ยังต้องเกิดอีก ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอรหันต์ก็ยังต้องมีการเกิดในภพต่างๆ อยู่ร่ำไป ตายแล้วเกิดทันที ยังต้องท่องเที่ยววนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์อีกต่อไป

ดังนั้น เมื่อกล่าวอย่างกว้างๆ แล้ว ใครก็ตาม ที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ได้ชื่อว่า เป็นสัมภเวสี ทั้งหมด คำว่า สัมภเวสี ผู้แสวงหาการเกิด หมายความว่า เป็นผู้ยังต้องเกิดอีก ถ้าเกิดเป็นโอปปาติกะ คือ เกิดผุดขึ้นเป็นตัวโตทันทีเลย อย่างเช่น เทวดา ช่วงระหว่างบุคคลใหม่ กับบุคคลเก่าต่อเนื่องกันทันที เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น จึงทำให้จำเรื่องราวต่างๆ และสิ่งที่ตนเคยทำทั้งดีและไม่ดีไว้ในเมื่อครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 13 พ.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า เมตตา ไม่เป็นโทษสำหรับตนเองและผู้อื่น เป็นประโยชน์ในที่ทั้งปวง เพราะถ้ามีเมตตา ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ดีงามมีความเป็นมิตรเป็นเพื่อน หวังดีต่อผู้อื่น แล้ว ความมุ่งร้าย หวังร้าย ประทุษร้าย ด้วยกาย วาจา ต่อผู้อื่นจะไม่เกิดขึ้นเลย ไม่มีเลยแม้แต่น้อย เมตตาเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ไม่ใช่เรื่องแผ่ แต่เป็นธรรมที่ควรอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน

พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นพระสูตรใด ส่วนใดไม่ใช่สำหรับสวดหรือสำหรับท่อง แต่สำหรับศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามที่พระองค์ทรงแสดง สวดแล้วหวัง ท่องแล้วหวัง เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี นั่นไม่ตรงแล้ว เพราะหวังเป็นโลภะ เป็นเหตุที่ไม่ดี ในเมื่อเป็นเหตุที่ไม่ดี ก็ไม่สามารถนำผลที่ดีมาให้ได้เลย นี่คือ ความเป็นผู้ตรง ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจด้วยว่า ระหว่างการสวด โดยที่ไม่เข้าใจกับการฟังพระธรรมแล้วก็เข้าใจ อย่างไหนจะเป็นประโยชน์กว่ากัน ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chvj
วันที่ 13 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
2491surin
วันที่ 14 พ.ค. 2560

เพิ่งจะทราบเดี๋ยวนี้เองว่าอันที่จริงแล้ว"เจ้ากรรมนายเวร"นั้นไม่มี จะมีก็แต่ "กรรม" ที่จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เราได้รับผลของกรรมที่เรากระทำขึ้นเอง ดั่งคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า กรรมเป็นแดนเกิด กรรมเป็นทาญาติ กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ไม่มีใครจะบันดาลความสุขหรือความทุกข์ให้เราได้นอกจากกรรมที่เรากระทำขึ้นเอง

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 14 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 15 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 17 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 21 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 23 พ.ค. 2560

กุศลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไปในทาน ศีล การฟังธรรม ก็สามารถอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้ ถ้าเขาอยู่ในภพภูมิที่รับรู้ได้แล้วเขาอนุโมทนาก็เป็นกุศลจิตของผู้นั้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
สุณี
วันที่ 24 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
วิริยะ
วันที่ 26 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
skulrak13
วันที่ 5 พ.ค. 2563

เป็นผู้อ่านเป็นผู้ฟัง ก็ได้เป็นผู้รู้ สาธุครับ ชอบฟังชอบอ่าน ชอบธรรมแท้ๆ ของพุทธองค์

ขอบคุณๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ