เมื่อตายในขณะจิตได้โสดาปัตติมรรคแล้วจิตจะยังไปต่อเพื่อสำเร็จเป็นโสดาปัตติผลหรือไม่

 
golakgola
วันที่  19 เม.ย. 2560
หมายเลข  28774
อ่าน  987

ผมเป็นผู้ที่เริ่มศึกษาธรรมะ ยังมีความไม่เข้าใจอยู่มาก มีคำถามเกี่ยวกับว่า กรณีที่ผู้ปฏิบัติธรรม เข้าถึงมรรคจิตแรกคือโสดาปัตติมรรคบุคคลได้แล้ว แต่ยังไม่ได้เสวยผลของมรรคคือโสดาปัตติผลจิต ผู้เป็นโสดาปัตติมรรคเกิดตายขึ้นมา ณ เวลานั้นพอดี เมื่อเกิดในภพชาติใหม่แล้ว กรณีเป็นมนุษย์จะเป็นโสดาปัตติมรรคเลย และปฏิบัติต่อเพื่อเป็นโสดาปัตติผลจิตต่อไป หรือว่าต้องเริ่มใหม่ในฐานะเป็นปุถุชนธรรมดาครับ ขอกราบขอบพระคุณในทุกคำตอบครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 เม.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าไมเกิน 7 ชาติย่อมเป็นพระอรหันต์ อย่างช้าที่สุดคือ ชาติที่ 7 หากว่าการสะสมหายไปคือความเป็นพระโสดาบันหายไปเพียงแค่ตายแล้วเกิด ซึ่งกระผมก็ได้กล่าวแล้วว่าตายแล้วเกิดเพียงจิตขณะเดียวเท่านั้นเพราะฉะนั้นการสะสมปัญญา ก็สะสมไปกับจิตอีกขณะครับ ไม่ได้หายไปไหนเลย ซึ่งหากการสะสมปัญญา มีความเป็นพระโสดาบันหายไปเพียงตายแล้วเกิด เช่น เกิดป็นมนุษย์ เป็นทารก พระพุทธองค์จะไม่ทรงแสดงเลยครับว่าต่อไปไม่เกิน 7 ชาติจะเป็นพระอรหันต์ เพราะการจะเป็นพระอรหันต์ได้ก็ต้องอาศัยปัญญาที่สะสมมาตั้งแต่ปัญญาเบื้องต้น ปัญญาขั้นพระโสดาบัน ปัญญาระดับพระสกทาคามี จนถึงปัญญาระดับพระอรหันต์ ดังนั้นการสะสมปัญญาไม่ได้หายไปไหนครับ สืบต่อไปที่จิตเกิดดับทีละขณะ ขณะที่จุติดับไป (ตาย) ปัญญาก็สะสมต่อไปในจิตดวงต่อไป คือ ปฏิสนธิจิต (การเกิด) ที่เกิดขึ้น

อย่างเรื่องของท้าวสักกะ ท่านได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า เรื่องสักกปัญหสูตร เมื่อพระอินทร์ท่านฟังจบท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เมื่อท่านบรรลุแล้ว จุติท่านก็เกิดคือตายเกิดขึ้นในขณะนั้นเลยและปฏิสนธิจิตท่านก็เกิดต่อ เกิดเป็นท้าวสักกะองค์ใหม่ที่ยืนฟังพระธรรมอยู่นั่นแหละครับ แต่ท่านก็เป็นพระโสดาบันแล้ว ความเป็นพระโสดาบันของท่านก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่จิตขณะเดียวเท่านั้นถ้าว่าตามความเป็นจริงระหว่างตายแล้วเกิดครับ

ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงว่า กิเลสใดที่ละได้แล้วด้วยมรรค มีโสดาปัตติมรรค เป็นต้น กิเลสนั้นจะไม่หวนกลับมาเกิดอีกเลย ไม่ว่าชาติไหนๆ ครับ ซึ่งกระผมจะขอแสดงหลักฐานในเรื่องต่างๆ ที่อ้างอิงเกี่ยวกับความคิดเห็นนี้ในพระไตรปิฎกครับเชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

....กิเลสย่อมไม่เกิดขึ้นอีกเมื่อละด้วยมรรคจิต [มหานิทเทส]

------------------------------------------------------------------------

[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 423

พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า " กิเลสเหล่าใด อันอริยบุคคลละได้แล้วด้วยโสดาปัตติมรรค,เธอย่อมไม่มาหา คือไม่กลับมาสู่กิเลสเหล่านั้นอีก; กิเลสเหล่าใด อันอริยบุคคลละได้แล้วด้วยสกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตมรรค,เธอย่อมไม่มาหา คือไม่กลับมาสู่กิเลสเหล่านั้นอีก " ดังนี้.

-------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องแรกแสดงให้เห็นว่ากิเลสที่พระโสดาบันดับแล้วจะไม่กลับมาอีก เพราะท่านดับด้วยปัญญาระดับมรรคแล้ว กิเลสนั้นจึงไม่เกิออีกเลย เหมือนต้นไม้ที่ตัดรากแก้วแล้วถูกเผาราก ต้นไม้นั้นย่อมไม่เติบโตอีกครับ ดังนั้นความเป็นพระโสดาบันจึงไมได้หายไปไหน ไม่ว่าจะเกิดในภพภูมิใดเลยครับ

อีกประเด็นหนึ่งครับ แสดงให้เห็นว่าพระอริยบุคคล มีพระโสดาบัน เป็นต้น เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว ตายไปเกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งคุณสมบัติของพระโสดาบันคือ ท่านจะรักษาศีล 5 โดยไม่ขาดเลย คือไม่ล่วงศีล 5 เลยครับ ดังนั้นเมื่อท่านเป็นพระโสดาบัน แล้วตายไปเกิดในภพภูมิอื่น มีมนุษย์ เป็นต้น ท่านก็จะไม่ล่วงศีล 5 เลย แม้เหตุแห่งชีวิต นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วครับว่าความเป็นพระโสดาบันไมได้หายไปไหน แม้เปลี่ยนภพภูมิไปแล้วก็ตาม ดังข้อความในพระไตรปิฎกครับ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 308

ถามว่า. ก็พระอริยสาวก พึงปลงชีวิตคนอื่นหรือ ?

ตอบว่า แม้ข้อนั้นก็ไม่ใช่ฐานะ (ที่มีได้)

ก็ถ้าใครๆ จะพึงกล่าวกะพระอริยสาวกผู้อยู่ในระหว่างภพ (ผู้ยังเวียนว่ายตายเกิด) ทั้งที่ไม่รู้ว่าตนเป็นพระอริยสาวก แม้อย่างนี้ว่า ก็ท่านจงปลงชีวิตมดดำ มดแดงนี้แล้ว ครอบครองความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในห้องจักรวาลทั้งหมด ดังนี้ท่านจะไม่ปลงชีวิตมดดำ มดแดงนั้นเลย. แม้ถ้าจะกล่าวกะท่านอย่างนี้ว่า ถ้าท่านจักไม่ฆ่าสัตว์นี้ ฉันจักตัดศีรษะท่าน. แต่ท่านจะไม่ฆ่าสัตว์นั้น. คำนี้ท่านพูดเพื่อแสดงว่า ภาวะของปุถุชนมีโทษมากและเพื่อแสดงกำลังของพระอริยสาวก.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 20 เม.ย. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 20 เม.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มรรคจิตเกิดแล้วดับไปเป็นปัจจัยให้ผลจิตเกิดสืบต่อทันที โดยไม่มีจิตอื่นคั่น และจุติจิตยังเกิดไม่ได้ในขณะนั้น ตามความเป็นจริงของธรรม ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
golakgola
วันที่ 20 เม.ย. 2560

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์Padermมากครับ

ขออนุโมทนาสาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
golakgola
วันที่ 20 เม.ย. 2560

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์khampanมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
p.methanawingmai
วันที่ 21 เม.ย. 2560

สาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 22 เม.ย. 2560

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 12 ส.ค. 2560

กราบนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณวิทยากรทั้งสองท่าน ด้วยความเคารพค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ