สำนักวิปัสสนาทำลายคำสอนในพุทธศาสนาจริงหรือ

 
lada
วันที่  20 ก.ค. 2559
หมายเลข  28001
อ่าน  2,509

เท่าที่ฟังรายการอ.สุจินต์มา เหมือนได้ยินว่าไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิ หรือมีศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนาใดๆ ชาวพุทธควรฟังพระธรรมจากพระไตรปิฎกให้เข้าใจก็เพียงพอ แต่ดิฉันสงสัยว่าแล้วพระสงฆ์หลายรูปที่มีชื่อเสียงที่ใครๆ ก็ว่าท่านเป็นอริยสงฆ์ตั้งแต่อดีต จน มาถึงยุคปัจจุบัน มีหนังสือประวัติการธุดงค์ และเจอสิ่งลี้ลับก็หลายเล่ม ท่านเหล่านั้นล้วนแต่จบลงด้วยการวิปัสสนาทั้งนั้น แล้วจะว่าทำลายคำสอนพุทธศาสนาอย่างไร อยากได้ความกระจ่างจากผู้รู้ค่ะ ดิฉันไม่กล้าคิดไม่ดี กลัวบาป


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
lada
วันที่ 20 ก.ค. 2559

พระที่ดิฉันและใครหลายคนเข้าใจว่าเป็นอริยสงฆ์แม้ทุกวันนี้จะละสังขารไปแล้ว แต่ยังมีสำนักวิปัสสนาที่ท่านก่อตั้งดำเนินงานอยู่เลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 ก.ค. 2559

ในสมัยครั้งพุทธกาลไม่มีสำนักปฏิบัติธรรมของบรรพชิต หรือสำนักปฏิบัติธรรมของคฤหัสถ์ เพราะผู้ที่ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมในยุคนั้น ท่านมีปกติเจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) คือ ไม่มีการจำกัดหรือเลือกสถานที่ กาลเวลา และอารมณ์ คือ ทุกที่ทุกเวลาเป็นปกติ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีหลักฐานใดๆ แสดงว่ามีการสร้างหรือมีสำนักปฏิบัติธรรมของบรรพชิตหรือสร้างสำนักปฏิบัติธรรมของคฤหัสถ์ ในยุคนี้มีความเห็นผิดว่า ถ้าจะปฏิบัติธรรม ต้องอยู่ในห้องหรือไปสำนักปฏิบัติ ไปสถานที่อื่นๆ ปฏิบัติไม่ได้ จึงมีการสร้างสำนักปฏิบัติเพื่อการปฏิบัติธรรม ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา

ที่น่าพิจารณา คือ ปัญญาจะเจริญขึ้นตามลำดับจนถึงความสมบูรณ์พร้อม (ถึงความเป็นพระอริยบุคคลข้ามพ้นจากความเป็นปุถุชนได้) ก็ต้องมาจากการค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ตามสำนักต่างๆ ด้วยความต้องการ ด้วยความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรม เพราะนั่นไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ถึงความเจริญขึ้นของปัญญาเลย นำคำว่าปฏิบัติธรรมมาใช้ แต่ไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย

สาวกในครั้งอดีต มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม ก็เพราะได้อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ฉันใด สาวกในยุคนี้สมัยนี้ จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เช่นเดียวกัน ซึ่งจะประมาทในแต่ละคำของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ไม่ได้เลย

เชิญคลิกอ่านที่นี่

ทำไมบ้านธัมมะ ไม่มีการยกย่องคำสอน พระอาจารย์มั่น หลวงตาบัว หลวงพ่อชา

เชิญชมวีดีโอ ดังนี้

คลิปวีดีโอ...สำนักปฏิบัติทำลายคำสอน และ พระภิกษุเชียร์ฟุตบอล

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่

สำนักปฏิบัติ...?

เรื่อง สำนักปฏิบัติ โดย อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

การตั้งสำนักปฏิบัติธรรม จำเป็นหรือไม่ในยุคนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำสอนใดที่สอนให้ไปทำอะไร ด้วยความอยากความต้องการ ความไม่รู้ ความเห็นผิด ซึ่งไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ย่อมไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไม่จริงเหล่านั้น ทำลายคำจริงของพระองค์ ทำให้คนออกจากคำจริง

ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา มีคำว่า ปฏิบัติธรรม แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง แล้วมีการไปทำอะไรด้วยความอยาก ความต้องการ จดจ้อง ตามสถานที่ต่างๆ ที่เข้าใจว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อย่างที่นิยมเรียกกันว่า “สำนักปฏิบัติธรรม” ก็ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติผิด ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ในขณะที่ปฏิบัติผิดนั้น ก็พอกพูนโลภะ ความติดข้องต้องการ และ ความเห็นผิด ให้เพิ่มขึ้น แท้ที่จริงแล้ว “ปฏิบัติธรรม” เป็นการอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมที่ปรากฏ คือรู้นามธรรม และรูปธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งต้องมีการตั้งต้นด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาให้เข้าใจในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้สติและปัญญา เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริง ด้วยปัญญา โดยที่ไม่เลือกสถานที่ กาลเวลา และไม่มีการเจาะจงที่จะรู้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด เพราะทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมอย่างแท้จริง

ขณะนี้มีธรรม มีสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเลย จะไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้มีความละเอียดอย่างยิ่งในการฟัง ในการศึกษา ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความเจริญขึ้นของปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป

สามารถตั้งต้นใหม่ได้ สิ่งที่ผิด จะเก็บไว้ทำไม ต้องกล้า อาจหาญที่จะละทิ้งในสิ่งที่ผิด แล้วมีความจริงใจที่จะฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 21 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wirat.k
วันที่ 22 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 22 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
thilda
วันที่ 23 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 23 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 23 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 24 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
tong9999
วันที่ 30 ก.ค. 2559

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wannee.s
วันที่ 30 ก.ค. 2559

การศึกษาธรรมเหมือนดาบสองคม ถ้าศึกษาไม่ดีมีโทษมาก ทำให้มีความเห็นผิด พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าธรรมทั้งหลายเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับเป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ภัทรกร
วันที่ 26 มิ.ย. 2560

กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ...ครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ