ฟังธรรมเสร็จ ก็กลับไปมีอกุศล เหมือนเดิม

 
kukeart
วันที่  25 มิ.ย. 2559
หมายเลข  27913
อ่าน  1,048

ในขณะที่ฟังธรรม ทำให้เข้าใจ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย เข้าใจว่าอะไรเป็นกุศล เป็นอกุศล แต่พอหลังจากฟังเสร็จ ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มีกิเลส ตัณหา อกุศลต่างๆ ตามปกติ (แต่เข้าใจว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา) และไม่ควรบังคับตนเองให้มีกุศลมากๆ เพราะขณะนั้นเป็นตัวตนที่เข้าไปจัดการ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำใช่ไหมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ ดังนี้ครับ

สุ. คุณเด่นพงศ์บังคับความคิดได้ไหม ถึงเตรียมว่าจะคิดดีหรือไม่คิดดี เวลานี้เรากำลังคิดถึงสิ่งที่ไม่ได้ปรากฏ แล้วไม่รู้ว่าจะปรากฏหรือเปล่า แล้วจะปรากฏในลักษณะใด เพราะฉะนั้นทุกคนจะคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้วหรือสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น ลืมสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นการฟังพระธรรมจนกว่าจะรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏแม้คิด ที่คุณเด่นพงศ์คิดเป็นสังขารขันธ์ การปรุงแต่งของสภาพธรรมที่สะสมมา เหมือนอย่างคุณศุภัสสรเวลาที่โกรธ สภาพธรรมที่ปรุงแต่งสะสมมาก็ทำให้ความขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น และก็มีน้อยมากที่เกิดเบื่อที่จะโกรธ ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่การเบื่อที่จะโกรธจะรู้ไหมว่าวันไหน หรือว่าเบื่อดีกว่า และก็เย็นนี้จะเบื่อ ก็เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าคาดคะเนคิดเอาเท่านั้นเอง โดยที่ว่าขณะที่คิดอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงคิดอย่างนั้น บังคับไม่ให้คิดอย่างนั้นไม่ได้ หรือว่าจะบังคับให้คิดอย่างอื่นแม้แต่ความคิด เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจความหมายของอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ทุกอย่างที่เกิดไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมนามธรรม เป็นจิต เป็นเจตสิกประเภทต่างๆ เป็นโลภะบ้าง เป็นโทสะบ้าง เป็นกุศลบ้าง ก็บังคับไม่ได้ เลือกไม่ได้ แต่รู้เมื่อสิ่งนั้นเกิด เพราะฉะนั้นก็จะรู้การสะสมของเราเองโดยที่ว่าเมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วเราก็รู้ แม้แต่ความคิดที่จะคิดต่อไปข้างหน้าก็เกิดเพราะสังขารขันธ์ปรุงแต่ง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kukeart
วันที่ 25 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 25 มิ.ย. 2559
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โดยปกติของปุถุชนแล้ว เป็นผู้ตกไปในฝักฝ่ายของอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นผู้มีโทษมาก เพราะกาย วาจา และใจ เป็นไปกับด้วยอกุศล แม้ในขณะที่ฟังพระธรรม อกุศล ยังเกิดแทรกได้ ขณะอื่นจะเป็นอย่างไร ก็น่าพิจารณาจริงๆ เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าจิตไม่ได้เป็นไปในทาน ไม่ได้เป็นไปในศีล ไม่ได้เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิตและการอบรมเจริญปัญญาแล้ว เป็นอกุศลทั้งนั้น (เมื่อไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบาก และ กิริยา) ชีวิตปกติก็เป็นอย่างนี้ แต่สำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ย่อมไม่ขาดการฟังพระธรรมธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง ยาก แต่ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจ มีความจริงใจ มีความเพียร มีความอดทนที่จะฟัง ที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจจริงๆ เหตุที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของพระธรรม เมื่อไม่ขาดการฟังพระธรรม ให้เวลากับพระธรรม ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 25 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 27 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ชัยญานพ
วันที่ 27 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 1 ก.ค. 2559

เพียงขั้นฟัง เพียงเข้าใจยังไม่สามารถละกิเลสที่สะสมมานานแสนนาน ปัญญาขั้นฟังละความไม่รู้ จากที่ไม่เคยรู้มาก่อน ฟังอีกก็เข้าใจอีก จนกว่าจะมั่นคงจริงๆ ทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
worrasak
วันที่ 20 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ