จะแก้ไขได้หรือไม่ บางคนมีความเห็นว่านรกและสวรรค์ไม่มีจริง

 
cheap306
วันที่  20 พ.ย. 2558
หมายเลข  27241
อ่าน  1,065

กราบเรียนถามครับ

ผมได้คุยกันกับเพื่อนๆ มีเพื่อนบางคนที่มีความเห็นว่านรกและสวรรค์ไม่มีจริง แม้ว่าจะบอกอย่างไรก็ไม่เชื่อ เขาบอกว่านรกก็คือความไม่สบายใจและสวรรค์ก็คือความสุขและความสบายใจ (สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ) เขาเชื่ออย่างนั้นครับ และก็ตายแล้วไม่เกิดอีกคือดับสูญเลย ผมสงสารเพื่อนครับ อยากให้เปลี่ยนแปลงความคิดก็เลยพยายามพูดเรื่องต่างๆ ให้ฟัง เขาบอกว่าแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน คำถามก็คือว่า ผู้ที่มีความเชื่ออย่างนี้ในอนาคตหรือชาติต่อๆ ไป เขาจะสามารถหรือมีโอกาสกลับมามีความเห็นที่ถูกได้หรือไม่ครับ

และอีกคำถามก็คือ ปัจจุบันนี้มีหนังสือธัมมะหลากหลายมาก ผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มใดอาจารย์ใดก็มักจะเชื่อในหนังสือหรืออาจารย์นั้นๆ ซึ่งก็มีทั้งผิดและถูก ปัญหาก็คือว่าผู้ที่อ่านไม่สามารถรู้ได้ว่าคำไหนหรือเรื่องไหนที่ถูกหรือผิด ส่วนใหญ่ก็จะเชื่อตามในหนังสือที่อ่านมา ผมเองก็เคยเป็นอย่างนี้เหมือนกัน แม้บางคนก็กล่าวว่ามาจากพระไตรปิฎกด้วย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับว่าเรื่องไหนถูกหรือผิด และก็ไม่ได้อ่านพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่ก็อ่านหนังสือของอาจารย์ต่างๆ ที่ตนเองชอบ ขอคำแนะนำด้วย นะครับ

มีอีกเรื่องครับ คือศีลข้อที่สามกาเมสุมิจฉา การทำไม่ถึงเพศสัมพันธ์นั้นถือว่าศีลข้อนี้ขาดหรือไม่ครับ (ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน)

กราบขอบพระคุณครับ และกราบอนุโมทนาในกุศลของท่านอาจารย์วิทยากรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรม ไม่สาธารณะกับทุกคน ผู้ที่สะสมความเห็นถูก ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงจะเชื่อ และเห็นคล้อยตามในเรื่องภพภูมิข้างหน้า มี นรก สวรรค์ เป็นต้นครับ แต่ผู้ที่ไมไ่ด้สะสมปัญญา ศรัทธามาในพระพุทธศาสนา ก็เป็นแรื่องยากที่จะเชื่อ เพราะเหตุว่าเหตุการณ์ หรือ สถานที่นั้น เขายังไม่เห็น และเวลานั้นยังมาไม่ถึงครับ ดังนั้นการจะเปลี่ยนก็ต้องเป็นธรรมที่เปลี่ยน หากบุคคลนั้นสะสมมาและถึงพร้อมก็สามารถเปลี่ยนได้ แต่ถ้าไม่ได้สะสมความเห็นถูกมา ก็เป็นอนัตตา ที่ไม่สามารถเปลี่ยนมาเห็นถูกได้ ครับ ก็เป็นปกติธรรมดา

ส่วนหนทางที่ถูกต้องนั้น ก็เป็นหนทางที่แสดงความจริงในขณะนี้ สอดคล้องกันทั้งสามปิฎกและอนัตตาตั้งแต่ต้นจนจบ แสดงสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา เมื่อมีแต่ธรรม และในขณะนี้ ก็ไม่ต้องไปนั่งสมาธิ ไปห้องปฏิบัติ ที่ไหน และ หนทางที่อบรมฟังให้เข้าใจ จนปัญญาปฏิบัติหน้าที่ หนทางนั้นก็เป็นหนทางที่ถูก ตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

ส่วนศีลข้อสาม ต้องถึงการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นถึงล่วงศีล ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 20 พ.ย. 2558

เป็นแต่ละหนึ่งจริงๆ เป็นธรรมะ เป็นอนัตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 20 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
cheap306
วันที่ 20 พ.ย. 2558

ขอเรียนถามเพิ่มเติมอีกนิดครับ พอดีได้อ่านจากกระทู้ในพันทิบมาครับ ในเรื่องของศีลข้อสามครับ

อคมนียวัตถุ วัตถุอันไม่ควรถึง (มรรคทั้ง ๓) หมายถึงอะไรครับ

มุขมรรค วัจจมรรค และ ปัสสาวะมรรค ทั้งสามอย่างนี้ถ้าถึงกันหมายความว่าศีลต้องขาดใช่หรือไม่ครับ จะได้บอกเพื่อนๆ ได้ถูกต้องครับ

กราบขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 20 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียน ความคิดเห็นที่ 4 ครับ

อคยนียวัตถุ หมายถึง สิ่งที่ไม่ควรล่วงละเมิด เช่น หญิงที่มีสามี เป็นต้น ถ้าเป็นการล่วงศีลข้อสามมุ่งไปที่ทวารเบาอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นอาบัติปาราชิกของพระภิกษุ ไม่ว่าจะเป็นทางปาก ทางทวารเบา ทางทวารหนัก ก็ขาดจากความเป็นพระภิกษุทั้งนั้น ครับ


-อบายภูมิ มี นรก เป็นต้น เป็นภพภูมิที่มีจริง การเกิดในอบายภูมิ เป็นผลของอกุศลกรรม เมื่อเหตุมีแล้ว ผลก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามควรแก่เหตุ

-ประเด็นเรื่องศีลข้อที่ ๓ นั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก มีโอกาสผิดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลย และจะต้องพิจารณาองค์ประกอบของการล่วงศีลข้อดังกล่าวนี้ด้วย การที่จะล่วงศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดในกาม) นั้น ต้องเป็นเพราะมีเจตนาก้าวล่วงและมีการประพฤติผิด คือ ในกรณีที่ฝ่ายชายเป็นผู้ล่วงศีล ก็ต่อเมื่ออยู่ร่วม (มีเพศสัมพันธ์) กับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน

ส่วนฝ่ายหญิงจะผิดศีลข้อนี้ ก็ต่อเมื่อตนเองมีสามีแล้ว แต่นอกใจไปอยู่ร่วมกับชายอื่นไปมีชายคนอื่นในขณะที่ตนเองยังมีสามีอยู่ แต่ถ้าตนเองยังไม่มีสามี ไปอยู่ร่วมกับชายอื่น ฝ่ายหญิงไม่ได้ผิดศีลข้อนี้ เพราะตนเองยังไม่มีสามี ยังเป็นเจ้าของผัสสะของตนเอง และฝ่ายชายแม้ตนเองมีภรรยาแล้ว ไปมีหญิงอื่น ด้วยการกระทำที่ถูกต้องด้วย

การล่วงศีล ไม่ว่าจะเป็นข้อใด มีโทษทั้งนั้น เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็ไม่ควรที่จะประพฤติ ที่ดีที่สุด คือไม่ล่วงศีล ไม่ประพฤติทุจริตกรรม พึงหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ เพราะเป็นเหตุนำมาซึ่งความเดือดร้อนใจในภายหลัง แม้แต่การประพฤติผิดในกาม ก็เช่นเดียวกัน เป็นเหตุนำมาซึ่งความเดือดร้อนใจในภายหลัง และสิ่งสำคัญควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสในชีวิตประจำวัน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
cheap306
วันที่ 21 พ.ย. 2558

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 24 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 27 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 20 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ