ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๐

 
khampan.a
วันที่  30 ส.ค. 2558
หมายเลข  26969
อ่าน  1,768

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑๐

พระธรรม เพื่อการน้อมประพฤติปฏิบัติตาม อย่าคิดว่าพระธรรมเป็นวิชาการหนึ่ง สำหรับให้เรียนให้จบ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นธรรมข้อใดก็ตามที่สมบูรณ์ด้วยเหตุผล เมื่อได้พิจารณาแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้ประพฤติปฏิบัติตาม ในทางที่เป็นการเจริญกุศลยิ่งขึ้น

≠ธรรมเป็นเรื่องของตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ตั้งแต่เกิดจนตาย พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลจริงๆ เรื่องของการเห็น แล้วก็ชอบใจ ไม่ชอบใจ เกิดการกระทำทางกาย ทางวาจาที่เป็นด้วยกุศลจิตบ้าง อกุศลจิตบ้าง

≠ถ้าไม่มีความเห็นผิด การปฏิบัติผิด พระผู้มีพระภาคก็จะไม่ทรงแสดงไว้ เพราะฉะนั้นพระธรรมที่ทรงแสดงไว้มีประโยชน์เกื้อกูลให้ระลึกพิจารณาให้ถ่องแท้ เพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นด้วย มิฉะนั้นแล้วถ้าบุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าใจผิด และก็ชักชวนบุคคลอื่นให้เข้าใจผิด ปฏิบัติผิดตามๆ กันไป ผู้นั้นก็ย่อมหมดโอกาสที่จะได้เข้าใจพระธรรมโดยถูกต้อง และย่อมจะไม่เป็นเหตุให้ได้เจริญมรรคมีองค์ ๘

≠ชีวิตของชาติหนึ่งซึ่งปัญญาจะเจริญขึ้น ที่จะอบรมเจริญความเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมจะมากหรือจะน้อย เพราะว่าบางชีวิตก็สั้นมาก บางชีวิตก็อาจจะยืนยาวพอสมควร แต่ก็เป็นชีวิตที่ไร้สาระ เพราะเหตุว่าไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นแต่ละคนก็จะต้องจากโลกนี้ไป หมดสภาพความเป็นบุคคลนี้ แล้วก็สะสมกุศลบ้าง อกุศลบ้าง มากน้อยต่างๆ กันไป แต่ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุด ก็คือต้องจากเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้โดยสิ้นเชิงในวันหนึ่งเพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรจะติดตัวไป ก็ควรจะเป็นการเจริญกุศล และการเข้าใจสภาพธรรมเพิ่มขึ้นโดยการฟัง การพิจารณา และการอบรมเจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง)

ผู้ไม่เชื่อถือคำ ถ้อยคำ เทศนา คำสอนของพระพุทธเจ้าและสาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ชื่อว่า ผู้ตกต่ำ

≠ถ้าท่านจะพิจารณาชีวิต จริงๆ ของท่าน ท่านก็จะทราบได้ว่ายังมีอกุศลอีกมากมายเหลือเกิน ในพระไตรปิฎก ทรงแสดงเรื่องของธรรมฝ่ายดีทุกขั้น ตั้งแต่เบื้องต้น จนกระทั่งถึงขั้นสูงที่สุด แต่ว่าการที่สาธุชน (คนดี) จะประพฤติปฏิบัติตาม ไม่ใช่ว่าจะปฏิบัติตามได้ครบถ้วนตลอดหมดทีเดียว แต่เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ สะสมเจริญอบรม

เมื่อมีความเข้าใจถูก ก็สามารถรู้ว่า สิ่งใดเป็นอกุศล สิ่งที่ไม่ดี และธรรมที่ตรงกันข้าม คือ ความดีนั้น คืออะไร ถ้ามีปัญญาเหมือนแสงสว่างก็จะนำไปสู่ทางของกุศล ห่างไกลจากอกุศลซึ่งเคยมีมากมาย แต่ว่าห่างทันทีไม่ได้เลย ค่อยๆ เป็นไปตามความเข้าใจ

เมตตาคือความหวังดี ความเป็นมิตร ไม่เลือกด้วย ไม่ว่ากับใคร พร้อมที่จะเกื้อกูล ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือหรือทำอะไรได้ นี่คือความเป็นมิตร

ถ้าจะพิจารณาให้เห็นสภาพธรรมในความไม่มีสาระ ชาติก่อนๆ จะเคยสุขสำราญ จะเคยมีปราสาทราชวัง จะมีผู้ที่ผูกโกรธ อาฆาต ริษยาต่างๆ ก็ผ่านไปแล้วหมด ไม่มีอะไรเหลือจริงๆ ชาติก่อนเป็นอย่างนั้นฉันใด ชาตินี้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ และชาติต่อๆ ไปก็จะเป็นอย่างนี้

รูปที่น่าพอใจทางตา เสียงที่น่าพอใจทางหู สั้นๆ น้อยมาก ถ้าจะให้เกิดความยินดี ก็ให้เกิดความยินดีเพียงเล็กน้อย แต่โทษ คือ มีการผูกพันด้วยสิ่งที่ไม่มีประโยชน์มากมาย

≠ถ้าจะพิจารณาถึงสภาพของธรรม ซึ่งเป็นอวิชชา (ความไม่รู้) และปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) ก็จะเห็นได้ว่า ก่อนการตรัสรู้นั้น โลกมืด มืดด้วยอวิชชา เพราะแม้สภาพธรรมปรากฏ แต่ก็ไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมนั้นๆ ได้ และเมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงประกาศพระอริยสัจจธรรม ความสว่างด้วยปัญญา คือ การที่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมก็เกิดขึ้นในโลก แต่ก็เฉพาะในพุทธบริษัท

≠ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม น้อมประพฤติปฏิบัติตามธรรม กาย วาจา ใจของผู้นั้นก็สงบจากกิเลสขึ้น ซึ่งผู้นั้นเองก็จะรู้สึกตัวว่า เป็นผู้ที่ฝึกแล้ว แต่ว่าฝึกโดยใคร? ฝึกโดยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง สำหรับฝึกตนจริงๆ

≠การฟังพระธรรมก็จะพิจารณาเข้าใจสภาพของตนเอง ซึ่งกำลังมีลูกศรเสียบ เป็นทุกข์มากเพราะอวิชชา เพราะอกุศลทั้งหลาย เช่น โลภะ โทสะ โมหะ และอกุศลอื่นๆ ที่เกิดขึ้นขณะใด เป็นทุกข์ขณะนั้น เหมือนถูกเสียบด้วยลูกศร เพราะฉะนั้นการที่จะถอนลูกศร คือ ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ก็จะต้องอาศัยพระธรรมเป็นทางที่จะถอนลูกศร

≠ขณะนี้ทุกคนมีอันตรายรอบข้าง อาจจะคิดว่าเป็นอันตรายจากโจร จากผู้ร้าย จากคนที่ไม่หวังดี แต่บุคคลเหล่านั้นไม่สามารถจะทำร้ายใจของท่านได้ อย่างมากที่สุดที่จะทำร้ายได้ ก็คือทำร้ายกาย ทำร้ายทรัพย์สมบัติ แต่สำหรับจิตใจนั้นต้องเป็นกิเลสของท่านเอง เพราะฉะนั้นทุกคนกำลังอยู่ในที่ที่ไม่ปลอดภัย แล้วแต่ว่าขณะใดกิเลสจะเกิดขึ้นทำร้ายเมื่อใด

เมื่อผู้ใดเห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็ย่อมจะนำมาซึ่งการสนทนาธรรมทุกโอกาส

มีทางที่จะพิจารณาเพื่อที่จะให้เกิดขันติ (ความอดทน) และเป็นกุศลเพิ่มขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำความเสียหาย ความเดือดร้อนให้ การกระทำของเขานั้นๆ ก็ดับไปในที่นั้นๆ ทำไมเราถึงจะยังโกรธต่อ ในเมื่อการกระทำนั้นหมดแล้ว จบแล้ว ดับแล้ว ขณะนี้เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้ว แต่ยังอุตส่าห์ไปคิดถึงเรื่องเก่าที่เขาทำ เพื่อที่จะให้ตนเองโกรธต่อไปอีก

อกุศลเกิด ก็สะสมไป ปัญญาเกิดก็สะสมไป

ขณะที่เป็นประโยชน์ คือ ขณะที่เข้าใจธรรม

ทุกอย่างเป็นธรรม และ เป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน) ต้องตรง

เกิดมาเพื่อช่วยกันละคลายอกุศล นี้คือ ความเป็นมิตร เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ


ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๐๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
rapimpan3035
วันที่ 30 ส.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 30 ส.ค. 2558

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านวิทยากรและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ch.
วันที่ 30 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 30 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paew_int
วันที่ 30 ส.ค. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
นายประถาษไวยวิรี
วันที่ 30 ส.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Wisaka
วันที่ 30 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 30 ส.ค. 2558

สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 30 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Boonyavee
วันที่ 31 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 31 ส.ค. 2558

เมื่อผู้ใดเห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็ย่อมจะนำมาซึ่งการสนทนาธรรมทุกโอกาส

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 31 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
นิตยา
วันที่ 31 ส.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pulit
วันที่ 1 ก.ย. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
kullawat
วันที่ 3 ก.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wirat.k
วันที่ 6 ก.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
nong
วันที่ 7 ก.ย. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ