ข้อเสนอการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวตะวันตก

 
homenumber5
วันที่  16 พ.ค. 2558
หมายเลข  26549
อ่าน  3,919

ด้วยมีข่าวและบทความ ที่บ่งชี้ว่าชาวตะวันตกเริ่มสนใจ หลักธรรมของพระพุทธศาสนากันมากขึ้นส่วนมากนิยมการทำสมาธิ ซึ่งแท้จริงตามพระพุทธวจนะนั้น สมาธิมีทั้งมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ จึงขอกราบเรียนถามว่า สำหรับบ้านธัมมะแล้ว เท่าที่ติดตามมา จะพยายามเน้นย้ำเรื่องสภาวะธัมมที่ปรากฏ ในขณะฟังธัมม และมิได้กล่าวเรื่องการทำสมาธินัก

หาก ท่านอาจารย์ใน บ้านธัมมะจำเป็นต้องเผยแผ่พระพุทธศาสนา แล้ว เห็นควรจะจัดวาง กรอบ เนื้อหา สาระแห่ง พระไตรปิฎก หรือพระพุทธศาสนาแก่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะทางตะวันตกอย่างไรเป็นเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลายบ้างเจ้าค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือ ชาวไทย ก็เป็นเพียงสมมติ แท้ที่จริง ก็คือ จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่ต่างกัน ที่เป็นเพียงสภาพธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้น เบื้องต้น คือให้มีความเข้าใจถูกในความจริงว่า ธรรม คืออะไร และเมื่อเข้าใจถูกว่า ธรรมคืออะไร ก็จะไม่ไปหาสถานที่ ไปหาธรรม เพราะธรรม คือ ขณะนี้ ที่มีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป เห็น ได้ยิน คิดนึก โลภะ โทสะ เป็นต้น ซึ่งการเข้าใจถูกเป็นลำดับจะมีได้ ก็ต้องเริ่มจากให้เข้าใจถูกว่า เริ่มจากปริยัติ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่การไปปฏิบัติ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ที่ทำด้วยความไม่รู้ นิ่งแต่ไม่เกิดปัญญา เมื่อให้ความเข้าใจถูกเป็นไปตามลำดับ ก็จะทำให้ปฏิบัติถูกด้วย

ซึ่งพระธรรมไม่สาธารณะ ก็แล้วแต่ว่าผู้ใดสะสมความเห็นถูกมา ไม่ได้สะสมความเห็นถูกมา ก็เดินทางตามการสะสมมาของแต่ละคนครับ ซึ่งชาวต่างประเทศที่สะสมความเห็นถูกมา ไม่ไปนั่งสมาธิ แต่มาฟัง ศึกษาพระธรรมก็มีเช่นกัน นั่นก็แสดงว่า ความเห็นถูกที่สะสมมา ย่อมชักพา ให้ผู้นั้น มาสู่ความเห็นถูกได้ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีทางที่จะปฏิบัติถูกต้องตรงตามความเป็นจริงได้เลย และที่สำคัญ ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ศึกษาพระธรรม แต่มุ่งที่จะปฏิบัติธรรม ไปทำอะไรต่างๆ ด้วยความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งก็คือไม่ใช่ปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติผิด การทำมิจฉาสมาธิ ไม่มีทางที่จะเป็นเหตุให้เกิดสัมมาสมาธิได้เลย มีแต่จะเพิ่มความผิด มากยิ่งขึ้น พอกพูนความไม่รู้ความติดข้องและความเห็นผิดให้มากขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้ว จึงต้องอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ที่เป็นวาจาสัจจะ คือ คำจริง ที่แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะฟังจากส่วนใดของพระธรรมคำสอน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่เราสามารถที่จะตั้งต้นศึกษา ณ ขณะนี้ได้ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน และเมื่อมีความเข้าใจแล้ว แต่ละคนก็สามารถที่จะเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามไปด้วย เป็นการประกาศความจริง เผยแพร่ความจริง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตามกำลังปัญญาของแต่ละคน ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 16 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 17 พ.ค. 2558

พระพุทธเจ้าเองก็ยังไม่สามารถให้ใครๆ มาฟังธรรมะได้ ถ้าจะให้เห็นถูกแล้วก็ยิ่งยากมาก

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
SRPKITT
วันที่ 17 พ.ค. 2558

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 19 พ.ค. 2558

ต้องเข้าใจก่อนสมาธิ คือความตั้งมั่นในกุศลที่เกิดร่วมกับปัญญา จึงจะเป็นสัมมาสมาธิ ถ้ายังไม่มีความเข้าใจในขั้นการฟัง ขั้นปฏิบัติก็ยังเกิดไม่ได้ ต้องเป็นไปตามลำดับขั้น ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
worasak
วันที่ 20 พ.ค. 2558

...กราบอนุโมทนา

Do you apply yourself to meditation?

การอบรมเจริญปัญญา สามารถเกิดได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พระธรรมสอนให้เข้าใจสิ่งที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน การเห็น-สิ่งที่ปรากฎ การได้ยิน-เสียง ฯลฯ ไม่ว่าจะอยู่ในที่สงบหรือวุ่นวายอึกทึกก็รู้ได้ว่าโทสะที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา เมื่อนั้นปัญญาสามารถเจริญขึ้นได้...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
j.jim
วันที่ 20 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 8 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ