การเจริญในธรรม

 
tmangkon
วันที่  23 ธ.ค. 2557
หมายเลข  25942
อ่าน  6,105

ผู้ที่สามารถรู้อัธยาศัยของคน สามารถสอนให้ตรงกับอัธยาศัยของคนนั้น เพื่อความเจริญในธรรมนั้น มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว หรือพระอริยบุคคลก็สามารถทำได้คะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ญาณ ปัญญาที่รู้อัธยาศัยของสัตว์ที่สะสมมาอย่างละเอียดครบถ้วนยาวนานถึงที่สุดเป็นญาณเฉพาะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น (อาสยานุสยญาณ) ไม่ทั่วไปกับพระสาวก ดั่งเช่น ที่พระสารีบุตรไม่รู้การสะสมมาของพระภิกษุรูปหนึ่งที่เคยเป็นตระกูลบุตรนายช่างทอง ในอดีตชาติ ให้ธรรมที่ไม่ตรงกับอัธยาศัย ทำให้พระภิกษุนั้นไม่บรรลุธรรม แต่พระพุทธเจ้าทรงรู้อัธยาศัยการสะสมมาอย่างละเอียด และรู้ว่าควรแสดงพระธรรมหมวดไหนให้เขาบรรลุ

เพราะฉะนั้น ญาณ ปัญญาที่รู้อย่างละเอียดลึกซึ้งในอัธยาศัย การสะสมของสัตว์โลก และรู้ว่าควรแสดงธรรมหมวดใด มีเฉพาะพระพุทธเจ้า ส่วนพระสาวกทั้งหลายก็พอรู้ตามกำลังปัญญาของตน ที่รู้อัธยาศัย การสะสมของสัตว์โลกได้เพียงบางส่วน แต่ไม่ละเอียด ลึกซึ้ง เพราะพระอริยสาวก ผู้มีปัญญามาก ก็ระลึกชาติได้ รู้ว่าเกิดเป็นใคร อะไรมาก่อน แต่ไม่ได้รู้ละเอียดที่จะทราบอัธยาศัยและธรรมหมวดใดที่แสดงแล้วถึงการบรรลุธรรมได้อย่างละเอียดเท่าพระพุทธเจ้า ครับ

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔- หน้าที่ 128

พระศาสดาประทานกัมมัฏฐานที่เหมาะแก่ภิกษุนั้น

ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะพระเถระนั้นว่า "ชื่อว่าอาสยานุสยญาณนั่น ย่อมมีแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญบารมีแล้ว ยังหมื่นโลกธาตุให้บันลือแล้ว ถึงความเป็นพระสัพพัญญูนั่นแล" แล้วทรงรำพึงอยู่ว่า "ภิกษุนี้บวชจากสกุลไหนหนอแล" ทรงทราบว่า "จากสกุลช่างทอง ทรงพิจารณาอัตภาพที่ล่วงมาแล้ว ทรงเห็นอัตภาพ ๕๐๐ ของภิกษุนั้น อันเกิดโดยลำดับเฉพาะในสกุลช่างทอง แล้วทรงดำริว่า "ภิกษุหนุ่มนี้ทำหน้าที่ช่างทองอยู่ตลอดกาลนาน หลอมแต่ทองมีสีสุกอย่างเดียว ด้วยคิดว่า เราจักทำให้เป็นดอกกรรณิการ์และดอกปทุมเป็นต้น อสุภปฏิกูลกัมมัฏฐานไม่เหมาะแก่ภิกษุหนุ่มนี้ กัมมัฏฐานที่พอใจเท่านั้น จึงจะเป็นกัมมัฏฐานที่สบายแก่เธอ จึงตรัสว่า สารีบุตร เธอจักเห็นภิกษุที่เธอให้กัมมัฏฐาน ลำบากแล้วตลอด ๔ เดือน บรรลุพระอรหัตในภายหลังภัตในวันนี้นั่นแหละ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลกทั้งปวง เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทรงแสดงพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้โปรดเวไนยสัตว์ ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา สิ่งที่พระองค์ทรงแสดง ก็ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ทรงพร่ำสอนอยู่บ่อยๆ เนืองๆ ก็เพื่อให้ผู้ฟังมีความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม จนกระทั่งถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด นี้แหละคือ ความเจริญในธรรม อย่างแท้จริง

จึงเห็นได้ว่า สิ่งที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิต คือ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อการเจริญขึ้นของปัญญา เพื่อขัดเกลากิเลสจนหมดสิ้น ถ้าไม่ได้อาศัยพระธรรม ไม่มีการอบรมเจริญปัญญาแล้ว สังสารวัฏฏ์ก็จะดำเนินไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้น จึงต้องเริ่มสะสม อบรมเจริญปัญญาด้วยตนเอง เห็นประโยชน์สูงสุดของปัญญา เพิ่มพูนความเข้าใจถูกเห็นถูกขึ้นไปตามลำดับ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

เฉพาะพระพุทธเจ้า เพราะท่านรู้ทุกอย่าง เป็นปัญญาที่รู้การสะสมของสัตว์ทั้งหลายค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tmangkon
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ประสาน
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 24 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
mahabaramee
วันที่ 12 ก.ย. 2560

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ใบโพธิ สิกขา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 23 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ