(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย10

 
kanchana.c
วันที่  4 พ.ย. 2557
หมายเลข  25730
อ่าน  2,617

ท่องราตรีเมืองคยา

จากเวสาลีเดินทางไปพุทธคยา ระยะทาง 200 กม. ไกด์บอกว่า ประมาณ 8 ชั่วโมง คิดว่า

คงเป็นแผนการที่บอกให้นานไว้ก่อน ถ้าถึงเร็วจะได้ดีใจ รถต้องแล่นผ่านปัฏนะ เมืองหลวงของ

รัฐพิหาร และต้องข้ามสะพานมหาตมะคานธี สะพานนี้ข้ามแม่น้ำคงคาส่วนที่กว้างที่สุด ซึ่งยาว

เป็นที่ 2 ของเอเชีย ระยะทาง 7 กม. มองไปด้านล่างเห็นสวนกล้วยมากมาย ไกด์บอกว่า เมือง

ปัฏนะมีชื่อเสียงเรื่องกล้วยนานาชนิดที่ส่งไปขายทั่วอินเดีย และมีกล้วยพันธุ์ลูกเล็ก อร่อยมาก

ระหว่างรถติดบนสะพานมีการร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้วิทยากร จึงซื้อกล้วยที่บอกว่าอร่อย

มากให้ทุกท่านได้ชิม แต่ก็ผิดหวัง เพราะคือกล้วยน้ำว้าฝรั่งของไทยที่ออกเปรี้ยว ไม่เป็นที่

นิยมในเมืองไทย ไม่อร่อยเหมือนกล้วยไข่ กล้วยหอม หรือกล้วยน้ำว้า

จากความเพลิดเพลินในการชมทิวทัศน์ของสะพานที่ยาวเป็นที่สองของเอเชีย กลายเป็นความ

หงุดหงิด เพราะรถติดยาวเหยียดอยู่บนสะพาน โดยไม่ทราบสาเหตุ มีหลายคนลงไปเดินดู

กลับมาบอกว่า มีไฟแดง ซึ่งไม่ค่อยเคยเห็นในอินเดีย ตอนนี้เสียงแตรเงียบลง เป็นสัญญาณ

บอกให้รู้ว่า รถวิ่งไม่ได้ บางท่านทรมานกับการปวดปัสสาวะ (รวมทั้งเราด้วย) จะลงไปข้างทาง

ก็ไม่ได้ เพราะอยู่บนสะพานที่มีแต่รถและคนเดินเท้าเต็มถนน และก็ใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะ

ข้ามพ้นสะพาน น้องเบญจวรรณ ผู้ชาญฉลาด ทำห้องน้ำมือถือ ที่ด้านท้ายรถ โดยขอร้อง

ผู้ชายให้ไปยืนข้างหน้า ครั้งแรกไม่สำเร็จ เพราะมัวแต่หัวเราะตอนรถกระชาก แต่ครั้งที่สองทน

ไม่ได้จริงๆ ก็สำเร็จได้ มีหลายท่านทำไม่ได้ พอรถลงจากสะพาน ไกด์ก็กางเต็นท์ให้ผู้หญิง

เข้าไปทำธุระริมถนน พอพ้นสะพานเห็นทางเลี้ยวขวาไปพุทธคยา ไกด์และคนรถทุกคนช่วย

กันไปจัดการจราจรให้พวกเราเลี้ยวไปได้ ทุกคนตบมือดีใจ คิดว่าผ่านอุปสรรคสำคัญไปแล้ว

ระยะทาง 30 กม. ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ที่บอกว่า 8 ชม. คงไม่ถึงพุทธคยาจริงๆ ต่อมาไกด์

มาบอกว่า มีการประท้วงทางศาสนาที่สะพานเริ่มตั้งแต่ตอนเที่ยง

ระหว่างนั้นก็มีข่าวที่เป็นมงคลส่งมาทางไลน์ว่า ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์อยู่ที่

พุทธคยา กำลังบริจาคอาหารโดยให้สมาคมมหาโพธิ์จัดให้แก่ขอทาน 1,000 คนที่พุทธคยา

พวกเราทุกคนปีติอนุโมทนาและช่วยกันบริจาคเงินคนละ 300 บาทเพื่อเลี้ยงอาหารขอทาน

จำนวน 1,000 คนในวันรุ่งขึ้นด้วย

หลังจากวิทยากรบรรยายประวัติและสถานที่ต่างๆ ในพุทธคยาพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็มีข่าว

จากคุณน้อย พัทนารีอีกว่า คุณหน่อง เสาวนีย์ นามวิชัย ทำกุศลใหญ่ คือ ปูพื้นอุโบสถวัดธิเบต

ด้วยไม้จากภูฐาน และเชิญชวนร่วมเจริญกุศล คุณตู๋เกิดไอเดียกระฉูดคือร้องเพลง และใครให้

ทิปก็จะนำไปทำบุญทั้งหมด ปรากฏมีคนทิปคุณตู๋ถึง 13,000 บาท ซึ่งเธอบอกว่าได้มากที่สุด

ในชีวิตนักร้องสมัครเล่นของการบินไทย มิน่าเธอถึงมีเสียงเพราะ คงเพราะเคยทำกุศลเช่นนี้มา

ก่อน

ที่คิดว่า อุปสรรคบนสะพานหมดแล้วนั้น ไม่จริงเลย รถยังติดขัดตลอดเวลา เพราะมีรถ

บรรทุกขนาดใหญ่มากมาย คงติดมาด้วยกัน รถวิ่งมาในความมืดสนิท ร้องเพลงก็แล้ว ผลัดกัน

ร้องระหว่างฝ่ายไทยและไกด์อินเดียที่ลงทุนเต้นด้วย ก็ยังไม่ถึง จนเกือบห้าทุ่มจึงเห็นแสงไฟ

บนเขาสูง ถามภาษามือกับไกด์ เพราะเขานั่งด้านหน้ารถ บอกว่าประมาณ 30 กม. แสงไฟที่

เห็นคงเป็นถ้ำดงคสิริ สถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยา รถแล่นเข้าเมือง ผ่านตลาดที่ปิดเงียบและมืด

จำได้ว่า เป็นตัวเมืองคยา ชุมทางรถไฟใหญ่ ที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน กลางวันเป็นตลาดใหญ่

พลุกพล่านด้วยผู้คน ห้ามรถใหญ่วิ่งเข้ามา และรถก็จอดสนิท ถามไกด์ได้ความว่า รอรถไฟ

ผ่าน เหลืออีก 15 กม. ไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้ว แต่รถไฟกว่าก็จะมาก็แสนนานสำหรับ

ผู้รอคอย เมื่อรถแล่นไปได้ก็ตบมือดีใจกัน แต่แล้วก็ต้องหยุดนิ่งหน้าร้านอาหารที่ดูสะอาด น่า

รับประทาน มีแต่ผู้ชายเป็นคนขายและคนรับประทาน ไม่เห็นผู้หญิงเลย คิดเอาว่าเป็นตลาดโต้

รุ่ง และนี่เป็นของแถมของทัวร์ที่จัดให้มีการท่องราตรีที่เมืองคยา ถ้ามาเองต้องจ้างรถแท๊กซี

หรือรถตุ๊กๆ มาและไม่สามารถมาตอนกลางคืนด้วย

รถจอดหน้าร้านหนึ่งที่เจ้าของช่วยกันทำความสะอาด บางท่านจึงลงไปซื้อเครื่องดื่มและขนม

มาแจกกัน และเพื่อขอเข้าห้องน้ำ แต่ปรากฏว่า ไม่มี ต้องไปเข้าที่บ้าน บ้านก็ปิดอีก เลยไม่ได้

เข้า รถก็ยังแล่นไม่ได้ ตอนนี้คนอินเดียทุกคนในคณะรถบัส 3 คัน (ยกเว้นคนขับ) ลงไปช่วย

จัดการจราจร เพราะถนนสองเลนแคบนั้นๆ มีทั้งรถ 18 ล้อและมากกว่า จอดติดกันเป็นแถว ไป

ไหนไม่ได้ ต้องให้คนรถอินเดียของพวกเราไปจัดการให้ขยับไปทางซ้าย ทางขวา จนกระทั่ง

รถขยับได้ กว่าจะถึงโรงแรมเกือบหกทุ่ม รับประทานอาหารและกว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง แต่

ก็สนุกดี คุณสุกัญญาโทรมาบอกว่า ท่านอาจารย์เป็นห่วงให้โทรมาถาม ว่าถึงไหนกันแล้ว พบ

พี่เดือนฉายในวันรุ่งขึ้น ท่านให้สมญานามว่า พวกคนพันธ์อึด ไม่อยากเป็นหรอกพี่ขา แต่ก็เป็น

ไปแล้วตามเหตุปัจจัย เพราะเลือกไม่ได้ ต้องเป็นอกุศลวิบากแน่เลย ต้องไม่ใช่ผลของกุศล

แน่ๆ ที่ต้องนั่งอยู่ในรถนานขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ผ่านไปแล้ว อยู่ที่ไหนก็มีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น

ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส หิว หนาว ปวดท้อง และยังไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เราเหมือนกัน ก็

เลยทุกข์เพราะคิดว่าเป็นเราหิว เราปวดท้องนี่แหละ

... อ่านตอนต่อไป ...

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย11

... อ่านย้อนหลัง ...

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย9

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย8

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย7

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย6

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย5

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย4

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย3

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย2

(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย1


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 5 พ.ย. 2557

อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ค่

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 5 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
siraya
วันที่ 5 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Boonyavee
วันที่ 5 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองคนั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลานานมากกว่าจะเดินทางถึงที่พัก ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของทุกท่านคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 6 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 6 พ.ย. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pulit
วันที่ 7 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 8 พ.ย. 2557

ขออนุโมทนาในความอดทนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wirat.k
วันที่ 9 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ