การเกิดเป็นทุกข์ ไฉนคนที่ทำให้เราเกิดจึงมีคุณกับเราล่ะ

 
mambo
วันที่  25 ธ.ค. 2549
หมายเลข  2533
อ่าน  3,306

พระพุทธเจ้าบอกว่าการเกิดเป็นทุกข์ แล้วทำไมคนที่ทำให้เราเกิดมาจึงมีบุญคุณกับ เราล่ะครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 25 ธ.ค. 2549

การเกิดเป็นทุกข์เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วทุกข์ต่างๆ จึงมีได้ อีกอย่างหนึ่ง การเกิด เป็นชื่อของอุปาทานขันธ์ห้า จึงกล่าวว่าเป็นทกุข์ ส่วนผู้ให้กำเนิด คือ มารดาบิดา เป็นผู้มีอุปการคุณ เพราะท่านให้ชีวิตให้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่หวังตอบแทน การ กระทำของมารดาบิดา เรียกว่าบุพการี คือ ผู้ที่กระทำคุณก่อน ผู้ที่กระทำคุณก่อน ชื่อว่าผู้มีบุญคุณ ผู้เป็นบัณฑิตทั้งหลาย เห็นความจริงอย่างนี้จึงกระทำการตอบ แทนบุญคุณแก่ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
study
วันที่ 25 ธ.ค. 2549

[เล่มที่ 16] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ หน้าที่ 88

[๑๙๙] ดูก่อนคฤหบดีบุตร มารดาบิดา เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรธิดาพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยตั้งใจว่า ท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ ๑ จักรับทำกิจของท่าน ๑ จักดำรงวงศ์ตระกูล ๑ จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๑ เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน ๑

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 25 ธ.ค. 2549

การที่เราเกิดมาส่วนหนึ่งเราใช้กรรม และอีกส่วนหนึ่งทำกรรมใหม่ แล้วแต่ว่าใครจะ สมสมความดี หรือสะสมความไม่ดี แต่ถ้าเราอบรมเจิรญปัญญา โดยเฉพาะการ เจิรญสติปัฎฐาน วันหนึ่งเราก็หมดกิเลสได้ เริ่มตั้งแต่การฟัง การพิจารณา เป็นต้น

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 25 ธ.ค. 2549

ท่านไม่ได้แค่ให้เราอาศัยในครรภ์เก้าเดือน เพื่อถือกำเนิดเพียงอย่างเดียว แต่บุพการีทั้งสองยังต้องตามเลี้ยงดูจนกว่าบุตรธิดาจะปีกกล้าขาแข็ง ดูแลตัวเอง หาเลี้ยงตัวเองได้ จนถึงขั้นนั้น ท่านก็ยังตามรัก ตามห่วง ไม่ต่างไปจากที่เคยเฝ้า คอยประคบประหงมเมื่อตอนที่ลูกยังอยู่ในครรภ์

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อนรุ่นพี่ของดิฉัน ลูกชายของเธอถูกรถชน กว่าจะมีคน นำส่งโรงพยาบาลกว่าเธอจะรู้เรื่อง หนำซ้ำต้องย้ายโรงพยาบาลด่วน เพราะอุปกรณ์ ทางการแพทย์ไม่พร้อมความหวังที่ได้ฟังจากแพทย์ ดูริบหรี่เต็มที เพราะลูกเธอหยุด หายใจไปชั่วขณะ ด้วยความเป็นแม่ เธอหวังเพียงให้ได้ดูแลกัน ลูกจะกลับคืนมาใน สภาพอย่างไร แม่ก็รับได้ทั้งนั้น

ขณะต่อมา ลูกฟื้น แต่ต้องผ่าตัดใหญ่ เพียงเพื่อให้ กลับมานั่งได้ แต่ร่างกายท่อนล่างนั้นหมดความหวัง และต้องรอจนถึงวันอังคารหน้า จึงจะผ่าตัดได้ (คือวันพรุ่งนี้) ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีสภาพอย่างไร แม่รับได้ทั้งนั้น ดิฉันฟังเธอเล่าไป ทั้งสงสาร ทั้งตื้นตันใจในความรักลูกของผู้เป็นแม่ ได้แต่โอบกอด และกล่าวให้กำลังใจกัน ไปตามอัตภาพของคนเป็นเพื่อน ลำพังแค่ เลี้ยงลูก ให้ได้รับการศึกษามา 20 กว่าปีก็มีพระคุณท่วมท้น

ครั้นพอได้ทำงาน ก็มา ประสบอุบัติเหตุจนแพทย์ลงความเห็นว่า อาจต้องทุพพลภาพไปตลอดชีวิต ท่านก็ไม่ บ่นเลย ขอเพียงให้ลูกมีชีวิตรอดน้ำใจรักบุตรของบุพพการีขนาดนี้ นับเป็นพระคุณที่ กว้างใหญ่มหาศาลยิ่งขึ้นไปอีก อย่างนี้ ผู้เป็นลูกทั้งหลายคิดว่ายิ่งสมควรทดแทนบุญ คุณท่านหรือเปล่าล่ะคะ และทดแทนถึงขนาดไหน จึงจะทดแทนได้หมด ขอบอกไม่ ง่ายเลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
narong.p
วันที่ 26 ธ.ค. 2549

การศึกษาธรรมะ ต้องทำความเข้าใจปรมัตถ์และบัญญัติ "การเกิดมาเป็นทุกข์" ทุกข์ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงทุกขเวทนา แต่เป็น "ทุกข อริยสัจจ์" ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะต้องศึกษาปรมัตถธรรมให้เข้าใจสังขารธรรมคือ จิต เจตสิก รูป ว่ามีลักษณะ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา (ไตรลักษณ์) คือ การเกิด ดับของสภาพธรรมะนี้ เป็นทุกข์ นั่นเอง ซึ่งจะต้องศึกษาให้เกิดความเข้าใจถูกด้วย ส่วนการสำนึกในบุญคุณของบุพการี นั้น ในขณะนั้น จิตเป็นกุศล โดยมีสัตว์บุคคล เป็นอารมณ์โดยบัญญัติธรรม เป็นสมมติสัจจะ ที่เรียกว่า คน พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน ฯ อย่าว่าเพียงแต่บุญคุณของพ่อแม่เลยซึ่งมหาศาลยิ่งนัก เปรียบเป็นพระอรหันต์ของ ลูกเสียด้วยซ้ำไป แม้แต่บุคคลอื่นที่ทำประโยชน์ให้เรา ช่วยเหลือเกื้อกูล เรายัง ต้องรู้บุญคุณเขาผู้นั้นและหาโอกาสตอบแทนด้วยใช่ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
shumporn.t
วันที่ 26 ธ.ค. 2549

ถ้าได้ศึกษาพระธรรมจะทำให้รู้ความจริงของชีวิตว่า ชีวิตเป็นเพียงขณะจิตเดียว การเกิดเป็นมนุษย์เป็นผลของกรรม ไม่มีผู้ใดทำให้เราเกิด กรรมที่เราทำมาจัดสรรให้มี พ่อแม่ครอบครัวอย่างนี้ เลือกไม่ได้เลย ถ้ามีใครทำได้ คงไม่ต้องมีความแตกต่าง มากมายอย่างนี้

ขณะเกิดเป็นวิบากคือเป็นผลซึ่งเกิดจากเหตุ เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ตั้งใจมั่นที่จะสร้างเหตุที่ดีได้กตัญญูกตเวทีแยกเป็น ๒ คือ กตัญญู รู้คุณท่าน กตเวที ตอบแทนหรือสนองคุณท่านพระพุทธเจ้าสอนเรื่องเหตุและผล เหตุดีย่อม ได้รับผลดี เหตุไม่ดีย่อมเผ็ดร้อนเบียดเบียน เมื่อท่านมีโอกาสที่ท่านทั้งสองคือ บิดาและมารดายังมีชีวิตอยู่ ท่านจะปฏิบัติต่อทั้งสองท่านอย่างไร

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สามารถ
วันที่ 26 ธ.ค. 2549

การเกิดมาได้นั้น การได้เกิดมานั้น เป็นผลของกรรม ของแต่ละบุคคล เมื่อมีการเกิด แล้ว อย่างมนุษย์เกิดในครรภ์ ก็ต้องมีมารดาบิดาซึ่งเป็นผู้ที่มีน้ำใจอันประเสริฐ และ คุณงามความดีทั้งหลายแก่เรา โดยไม่หวังผลตอบแทน รวมถึง ผุ้ที่ให้การอุปการะมา ก่อนทุกคน เรารู้คุณ และตอบแทนคุณของท่านในข้อนี้ บุคคลที่หาได้โดยยากมี 2 คน คือ บุพการีผู้ให้อุปการะมาก่อน โดยไม่หวังผลตอบแทน ๑ และ บุคคลผู้ที่มีความกตัญญูกตเวที (ผู้ทีรู้คุณ และตอบแทนคุณ) ๑

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 26 ธ.ค. 2549

สาธุ... ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 26 ธ.ค. 2549
อนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
medulla
วันที่ 27 ธ.ค. 2549

แต่ก่อนจะหงุดหงิดและเจ็บแค้นใจเวลาพ่อดุด่า หรือทำร้ายร่างกายหรือทำลาย ข้าวของของเรา แต่พอมาอ่านพระธรรมก็พบว่า ท่านเป็นผู้แสดงโลกนี้ให้แก่เรา การ ที่เราได้เกิดมาศึกษาพระธรรมในวันนี้ได้ ก็เพราะท่านช่วยส่งออกมา พอมาตอนนี้ เวลาท่านทำร้ายจิตใจและร่างกาย ก็รู้สึกเข้าใจ แม้เราจะหงุดหงิด และเครียดอยู่บ้าง แต่ก็ทำใจได้เร็วกว่าแต่ก่อน เรื่องการเถียงกลับด้วยอาการหงุดหงิด เดี๋ยวนี้มันหายไปเลย ไม่น่าเชื่อว่าพระธรรมเปลี่ยนเราได้ขนาดนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
sci
วันที่ 27 ธ.ค. 2549

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornnapa
วันที่ 31 ธ.ค. 2549

การที่ได้มาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ท่านอาจารย์ได้นำมาแสดงธรรมจึงได้รู้ว่าบุญคุณบิดามารดามีจริง มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร เป็นพระอรหันต์ของบุตร

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
คุณ
วันที่ 28 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
talaykwang
วันที่ 15 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาในกุศลทุกประการค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ