เราบาปเกือบทั้งวัน ถ้าอย่างนี้ ตายไปจะไม่ตกนรกหรือครับ

 
ละอ่อนธรรม
วันที่  15 ธ.ค. 2549
หมายเลข  2483
อ่าน  3,777

ชักกลัวขึ้นมาจับจิตจับใจ เมื่อตรวจดูว่าวันหนึ่งๆ สภาพจิตของผมมีแต่อกุศล จิตเต็มไปหมด เกือบทั้งวัน จะมีแค่ช่วงเวลาที่ได้ฟังธรรมะบรรยายจากท่านอาจารย์ สุจินต์ ที่พอจะเป็นกุศลได้บ้าง รู้สึกแช่มชื่นหัวใจเกือบทุกครั้งที่ได้ฟัง (แต่ก็ไม่ เสมอไป เพราะบางครั้งก็เหม่อลอยฟุ้งซ่าน) เดี๋ยวก็โลภะ อยากกินของอร่อยๆ อยากดูละครน้ำเน่า อยากฟังเพลง อยาก นอนสบายๆ ฯลฯ เดี๋ยวก็โทสะ หงุดหงิดรำคาญใจบ่อยๆ หรือไม่ก็โมโหคนอื่นที่ทำ ให้ไม่พอใจ ฯลฯ ถ้าสภาพจิตเป็นอย่างนี้ทั้งวัน แล้วตอนใกล้ตาย จะเกิดกุศลขึ้นได้อย่างไร หรือผมจะลองคิดในแง่นี้ดูบ้างได้มั้ย คือว่า เพียงแค่อกุศลจิตนั้นไม่ก่อให้เกิดผล เป็นวิบากกรรมแน่นอนฉะนั้น ไม่ต้องกลัวว่าอกุศลจิตจะทำให้ไปนรก แต่จะต้อง เป็นอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว ล่วงออกไปแล้ว จึงจะก่อให้เป็นวิบากกรรมได้ ฉะนั้น ถ้าผมไม่มีอกุศลกรรมที่หนักหนาอะไร แต่ได้ทำกุศลกรรมไว้พอ สมควรหรือสม่ำเสมอเป็นอาจิณ ก็จะเป็นเครื่องรับประกันได้บ้างว่าจะไม่ต้องไป นรก โอกาสจะมีมากน้อยแค่ไหนครับ อย่าบอกว่าน้อยกว่า 10% ล่ะ หมดกำลัง ใจจริงๆ ผมยังไม่อยากไปนรกครับกลัวจริงๆ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 15 ธ.ค. 2549

ผู้ที่ไม่ใช่พระอริยบุคคลชื่อว่าเป็นปุถุชนเป็นผู้มีคติไม่แน่นอน แม้กระทำกุศลไว้มากแต่เวลาใกล้ตายจิตเศร้าหมอง อกุศลกรรมในอดีตให้ผลย่อมเกิดในอบายภูมิ คือไม่มีอะไรรับประกันได้ อีกอย่างหนึ่ง เราเลือกคติที่ไปเกิดใหม่ในชาติหน้าไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำเหตุให้เกิดผลที่ดีในอนาคตได้ ส่วนกรรมไหนจะส่งผลเลือกไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
อิสระ
วันที่ 15 ธ.ค. 2549
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 15 ธ.ค. 2549
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 16 ธ.ค. 2549

ต้องมั่นคงในเรื่อง กรรม และ ผลของกรรม และธรรมะทุกอย่างเป็น อนัตตา แล้ว พยายามละอกุศลและเจริญกุศลให้มากๆ ในชีวิตประจำวัน (ตามเหตุปัจจัยที่สะสม ไม่ใช่มีตัวตนที่ไปทำ) เพราะผลย่อมเกิดจากเหตุ เช่น ฟังพระธรรมให้เข้าใจ และ พิจารนาไตร่ตรองบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็จะค่อยๆ เกิด ซึ่งจะช่วยให้ค่อยๆ ละอกุศล และเจริญกุศลได้มากขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ละอ่อนธรรม
วันที่ 16 ธ.ค. 2549

สาธุ ขอขอบพระคุณทุกท่านอย่างสูงครับที่ช่วยชี้แนะ _/_ ตอนนี้รู้สึกว่าเวลาช่วงที่ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์ จะทำให้เกิดกุศลปิติ ได้บ่อยๆ หลายครั้งที่เกิดความตื้นตันจนน้ำตาไหล รู้สึกดีใจที่ได้มาเกิดในศาสนาพุทธ ได้มาพบพระมหาปัญญาอันเลิศล้ำยิ่งของพระพุทธเจ้า เวลาที่ฟังแล้วไตร่ ตรองด้วยเหตุด้วยผล ก็ยิ่งซาบซึ้ง อยากให้คนอื่นได้ฟังด้วย ได้เข้าใจด้วยว่า ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาแห่งปัญญาจริงๆ พระธรรมของพระพุทธองค์ละเอียดลึก ซึ้งจริงๆ ผมคงต้องฟังธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์ไปจนวันตาย ดีใจจริงๆ ที่ได้ มาเจอเว็บดีๆ แบบนี้

ขอบคุณอีกครั้งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 16 ธ.ค. 2549

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 16 ธ.ค. 2549
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
medulla
วันที่ 17 ธ.ค. 2549
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Niranya
วันที่ 17 ธ.ค. 2549

Anumothana kha

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
siwa
วันที่ 17 ธ.ค. 2549

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
sci
วันที่ 19 ธ.ค. 2549

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
supakorn
วันที่ 19 ธ.ค. 2549

ผมก็เคยเป็นคล้ายๆ กันครับ และสับสนกับชีวิตตนเองมาก คนรุ่นใหม่ๆ จะหาผู้หลัก ผู้ใหญ่มาสั่งสอนขัดเกลาจิตใจเหมือนรุ่นเก่าๆ คงยาก เด็กรุ่นใหม่จึงคิดตามชาติ ตะวันตกว่า ทำอะไรทำไปเถิดให้คุ้มกับชีวิตหนึ่งที่ได้เกิดมา ...และขออนุโมทนา ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
daeng
วันที่ 21 ธ.ค. 2549

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ต.ค. 2550

อกุศลเป็นธรรมดา กลัวก็เป็นธรรมดา แต่ว่าไม่ทิ้งพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ